นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตาม พ.ร.ก.ป้องกันและปรามปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มาตรา 13 ครั้งที่ 10/2568 และการประชุมคณะอนุกรรมการป้องกันการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ครั้งที่ 2/2568
ที่ประชุมฯ ได้มีการพิจารณามาตรการในหลายด้านด้วยกัน โดยสามารถสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1.มาตรการยกเลิกการส่ง SMS -อีเมลแนบลิงก์ ของหน่วยงานรัฐ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมิติเห็นชอบ มาตรการยกเลิกการส่ง SMS -อีเมลแนบลิงก์ ของหน่วยงานราชการ และหน่วยงานในสังกัดรัฐ ตามที่ กระทรวงดีอี เสนอ ซึ่งมาตรการดังกล่าวเกิดขึ้นจากการประชุมคณะกรรมการฯ เพื่อเป็นการปิดกั้น 1 ในช่องทางที่สแกมเมอร์ใช้หลอกลวงประชาชน โดยหากพบว่ามีการส่งข้อความ SMS และอีเมลแนบลิงก์ โดยหน่วยงานรัฐ ขออย่ากดลิงก์โดยเด็ดขาด และสามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน (GCC1111) ผ่าน 1. ช่องทาง Line OA ที่ https://line.me/R/ti/p/@gcc1111 2. ช่องทาง Chat ที่ https://gcc.go.th/ 3. ช่องทาง Facebook messenger ที่ https://www.facebook.com/GCC1111 4. ผ่านโทรศัพท์สายด่วน 1111 และ5. ช่องทาง mail ที่ [email protected]
2. มาตรการเปิด Location ในแอปฯ Mobile Banking ระหว่างทำธุรกรรมการเงิน ที่ประชุมคณะกรรมการฯ มีมติเห็นชอบ ให้ดำเนินมาตรการให้ธนาคารเปิดการแสดงตำแหน่งที่ตั้ง (Location) ขณะที่มีการใช้แอปพลิเคชัน Mobile Banking ในระหว่างการทำธุรกรรมการเงินของธนาคาร โดยการแสดงข้อมูลดังกล่าวจะไม่มีการเผยแพร่เป็นสาธารณะ แต่จะถูกจัดเก็บไว้ใน Data Center ของธนาคาร โดยหากมิจฉาชีพมีการโอนเงินผ่านแอปฯ จะทำให้สามารถเรียกข้อมูลเป็นหลักฐานได้ ซึ่งมาตรการนี้สามารถดำเนินการได้ทันทีใน 5 ธนาคารที่มีความพร้อมด้านระบบ ในส่วนของธนาคารอื่นๆ และผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-Bank) ให้เร่งอัพเดตระบบ เพื่อเริ่มใช้งาน (คาดว่าใช้ระยะเวลา 3-6 เดือน)
3.การบูรณาการข้อมูลร่วมกัน ระหว่าง ศูนย์ AOC สสช. และศูนย์ ACSC การบูรณาการข้อมูลร่วมกันระหว่าง ศปอท. (AOC1441) สำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) และศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ACSC) ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพื่อปรับรูปแบบในการเก็บข้อมูลสถิติตามมาตรฐานการจำแนกประเภทคดี ICCS ของ UNODC ทำให้ระบบการเก็บคดีมีมาตรฐานสากล มีความสะดวกให้การแบ่งปันข้อมูลทั้งหน่วยงานในประเทศ และระหว่างประเทศ ลดความซ้ำซ้อนของคดี โดยมีการแยกหน้าที่ความรับผิดชอบชัดเจน ทำให้การรับคดีต่างๆ มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
4.มาตรการการปรับเงื่อนไขจดทะเบียนบัญชีม้านิติบุคคล (DBD) กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) กระทรวงพาณิชย์ ได้เตรียมออกประกาศคำสั่ง 5 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนนิติบุคคล เพื่อเป็นการป้องกันสแกมเมอร์ใช้ช่องทางการเป็นนิติบุคคลก่ออาชญากรรมออนไลน์ ได้แก่
1) บูรณาการรายชื่อผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (14.3 ล้านคน) ร่วมกับกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เพื่อตรวจสอบการขอจดทะเบียนนิติบุคคลของบุคคลในรายชื่อดังกล่าว ต้องมีการยืนยันตัวตนเพื่อจดทะเบียนนิติบุคคล
2) ขยายการตรวจสอบข้อมูล จากเดิมที่มีการตรวจสอบข้อมูลของบุคคลที่เป็นเจ้าของ โดยให้เพิ่มการตรวจสอบขั้นตอนการขอจดทะเบียนกรรมการบริษัทที่เพิ่มเข้ามาใหม่ (มีการเปลี่ยนแปลงกรรมการฯ) ซึ่งจากการตรวจสอบพบบุคคลในบัญชีม้าดำจำนวน 1,484 นิติบุคคล คิดเป็นจำนวนบุคคล 1,651 ราย
3) ปรับเงื่อนไขคุณสมบัติของบุคคลที่ดำเนินการจดทะเบียนแทนเจ้าของ หรือการจดทะเบียนผ่านออนไลน์ ซึ่งจะต้องมีการยืนยันตัวตนบุคคลดังกล่าวที่ชัดเจน
4) ต่อเนื่องจากข้อ 3 เมื่อมีการยืนยันตัวตนแล้ว หากมีการทำผิดหลักเกณฑ์ ให้มีการเพิกถอนระงับสิทธิ์ในทันที
5) พิจารณาการอนุมัติการจดทะเบียนโดยบุคคลเดียว มีชื่อจดทะเบียนมากกว่า 3 บริษัท ในสถานที่ตั้งเดียวกัน ต้องมีการยืนยันตน ให้สามารถตรวจสอบได้
นอกจากนี้ยังมีเงื่อนไขการตรวจสอบสถานะทางการเงินของผู้จดทะเบียนแบบเรียลไทม์ ในขณะที่มีการยื่นจดทะเบียนนิติบุคคล และเพิ่มการตรวจสอบข้อมูลอื่นๆ ร่วมกับ AOC ปปง. ตร. ธนาคาร และ ก.ล.ต. รวมทั้งการขอใช้อำนาจ ศปอท. เปิดรายชื่อบุคคลเพื่อเฝ้าระวัง ให้กับธนาคาร DBD กสทช. ใช้เพื่อป้องกันเป็นการชั่วคราว ในขณะรอการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.ก.
5.การดำเนินคดี IP Address โดย CIB ตำรวจสอบสวนกลาง ได้ร่วมบูรณาการข้อมูลกับ กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบ การใช้งานอินเทอร์เน็ตของ Data Center แห่งหนึ่ง ซึ่งพบว่ามีผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตจากกัมพูชา ใช้งาน Data Center และปรากฎ IP Address อยู่ในประเทศกัมพูชา โดยได้สั่งการให้ กสทช. ตรวจสอบข้อมูลการทำสัญญาระหว่างบริษัทผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตไทย และต่างประเทศ เพื่อบูรณาการข้อมูลกับตร.ให้ดำเนินการต่อไป
"คกก. ได้รับความร่วมมือจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ตรวจสอบบัญชีม้านิติบุคคล โดยจำเป็นที่จะต้องเพิ่มเงื่อนไขการขอจดทะเบียนนิติบุคคลให้รัดกุมยิ่งขึ้น เนื่องจากตามข้อกฎหมายไม่ได้จำกัดให้ผู้ที่เป็นบัญชีม้า หรือบุคคลต้องสงสัยห้ามจดทะเบียน ในขณะเดียวกันยังพบว่าสแกมเมอร์ในประเทศเพื่อนบ้านได้ปรับเปลี่ยนวิธีการก่ออาชญากรรมที่มีความซับซ้อนยิ่งขึ้น ดังนั้น คกก.จะต้องเร่งรัดการใช้มาตรการที่เข้มข้นยิ่งขึ้นเพื่อดำเนินการจัดการสแกมเมอร์ ลดผลกระทบความเสียหาย สร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน" นายไชยชนก กล่าว