ธ.ก.ส.เปิดตัวโครงการข้าวลดโลกร้อนนำร่องที่อุดรฯได้รับ Premium T-VER ขายคาร์บอนเครดิต

ข่าวเศรษฐกิจ Saturday November 22, 2025 18:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธ.ก.ส.เปิดตัวโครงการข้าวลดโลกร้อนนำร่องที่อุดรฯได้รับ Premium T-VER ขายคาร์บอนเครดิต

ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดตัวโครงการข้าวลดโลกร้อนนำร่องพื้นที่ในเขตชลประทาน อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานีบนพื้นที่กว่า 1,100 ไร่จ.อุดรธานี เดินหน้าโครงการ BAAC Carbon Credit เพิ่มพื้นที่สีเขียวเพิ่มมูลค่าให้ชุมชน

สร้างความยั่งยืนด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมตามแนวคิด ESG เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน(Carbon neutrality) ในปี ค.ศ. 2050 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ค.ศ. 2065 พร้อมยกระดับผลผลิตสู่การเป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่มีบรรจุภัณฑ์ทันสมัยและจำหน่ายในตลาดที่มีกำลังซื้อสูง
ธ.ก.ส.เปิดตัวโครงการข้าวลดโลกร้อนนำร่องที่อุดรฯได้รับ Premium T-VER ขายคาร์บอนเครดิต

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส.เปิดตัวโครงการข้าวลดโลกร้อน ลดการปล่อยก๊าซมีเทนในนาข้าว ภายใต้โครงการ BAAC Carbon Credit เพื่อขับเคลื่อนภารกิจการสร้างความยั่งยืนด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมตามแนวคิด ESG และมุ่งสู่เป้าหมายการสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon neutrality) ในปี ค.ศ. 2050 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ค.ศ. 2065 ตามนโยบายรัฐบาล โดย ธ.ก.ส.พร้อมสนับสนุนองค์ความรู้ในด้านการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้กับเกษตรกร

ธ.ก.ส.เปิดตัวโครงการข้าวลดโลกร้อนนำร่องที่อุดรฯได้รับ Premium T-VER ขายคาร์บอนเครดิต

เริ่มจากการปรับเปลี่ยนวิธีการผลิตที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซมีเทนในนาข้าวสู่ชั้นบรรยากาศที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน การลดต้นทุนและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของเกษตรกรลูกค้า โดยส่งเสริมให้เกษตรกรต่อยอดผลผลิตให้เป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่มีคุณภาพและบรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัย เช่นเดียวกับข้าวพร้อมทานแบรนด์อุ่นอิ่ม ที่ ธ.ก.ส. ส่งเสริมและพัฒนา เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและตอบสนองความต้องการตลาดในปัจจุบันอันนำไปสู่การเสริมสร้างรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรอย่างยั่งยืน

โดย ธ.ก.ส. เริ่มต้นนำร่องโครงการฯ ร่วมกับเกษตรกรในบริเวณเขตชลประทานอำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี จำนวน 141 คน บนพื้นที่ปลูกข้าวรวม 1,100 ไร่ ส่งเสริมการทำนาแบบเปียกสลับแห้ง (Alternate Wetting and Drying : AWD)ผ่านการพัฒนาโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานประเทศไทยขั้นสูง (Premium T-VER)

ในช่วงฤดูกาลผลิตข้าวนาปี ปีการผลิต 2568/69 (ช่วงเดือนพฤษภาคมธันวาคม 2568)และมุ่งหวังว่าเกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่เข้าร่วมโครงการฯ จะได้ประโยชน์ทั้งในด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม อาทิ รายได้จากการจำหน่ายคาร์บอนเครดิต 500 บาทต่อตันคาร์บอน มีปริมาณผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 และการสนับสนุนด้านการตลาด โดยดึงสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. อุดรธานี จำกัด (สกต.อุดรธานี)

ในการรับซื้อและรวบรวมผลผลิตข้าวจากเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ในราคาสูงกว่าตลาดทั่วไป ตันละ 500 บาทและนำผลผลิตไปแปรรูปเป็นข้าวสารที่โรงสีมาตรฐานของสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. นครพนม จำกัด (สกต.นครพนม) พร้อมให้การสนับสนุนองค์ความรู้ในด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์และการขอรับรองมาตรฐาน อย. ให้กับ สกต.เพื่อให้ผลิตภัณฑ์พร้อมเข้าสู่ตลาดมูลค่าสูงอย่างมีคุณภาพและมาตรฐาน โดยตั้งเป้าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวม 200tCO2eq การใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินช่วยลดก๊าซไนตรัสออกไซด์จากดิน และลดการเผาตอซังข้าวซึ่งสามารถช่วยลดปัญหามลภาวะ PM2.5 ได้อย่างยั่งยืน

โดยโครงการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยสร้างความยั่งยืนในด้านสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยสร้างรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทยอันนำไปสู่การสร้างการเติบโตให้ภาคเกษตรไทยอย่างมั่นคงยั่งยืน ตามวิสัยทัศน์ ธ.ก.ส. ในการเป็นธนาคารพัฒนาชนบทที่ยั่งยืน
*ดึงชุมชนเข้าร่วม BAAC Carbon Credit ขายคาร์บอนเครดิตนำมาสร้าง-รักษาป่า

ด้านนายไพศาล หงษ์ทอง และนางสาวไข่มุก จูงใจจารุมาศ รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)พร้อมด้วยคณะผู้บริหารธนาคารลงพื้นที่ชุมชนกุดหมากไฟ อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี เพื่อติดตามการขับเคลื่อนโครงการ BAAC Carbon Credit โดยโอกาสนี้ ธ.ก.ส.ร่วมกับกรมป่าไม้ และมูลนิธิป่าชุมชน ร่วมมอบเงินให้เกษตรกรและชุมชนธนาคารต้นไม้ในพื้นที่จำนวน 25 ล้านบาทเพื่อนำไปใช้ในการบริหารจัดการและการปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียว รวมถึงร่วมกันบำรุงและอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าชุมชนอย่างเป็นระบบจำนวน 11 แห่ง ในพื้นที่ตำบลกุดหมากไฟ อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี จำนวน 4,316 ไร่ระยะเวลาดำเนินการ 10 ปี ซึ่งคาดว่าพื้นที่ดังกล่าวจะมีคาร์บอนเครดิตเกิดขึ้นกว่า 4,000 ตันคาร์บอนต่อปีสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและชุมชนจากการขายคาร์บอนเครดิตได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายผ่านโครงการลดก๊าซเรือนกระจกตามมาตรฐาน T- VER จากนั้นได้เดินทางไปยังสหกรณ์ยางพาราโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู และมอบวงเงินหลักประกันการใช้ไม้ยางพาราเป็นหลักประกันเงินกู้จำนวน 4 รายเพื่อสนับสนุนเกษตรกรเข้าถึงแหล่งเงินทุนสร้างโอกาสในการพัฒนาปรับปรุงสวนยางเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการสวนยางอย่างยั่งยืนและเป็นส่วนหนึ่งในการเข้าร่วมโครงการ BAAC Carbon Credit เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน

โดยปัจจุบันมีเกษตรกรเข้าร่วมแล้วกว่า 79 ราย มีพื้นที่สวนยาง 1,080 ไร่ รวมยางพาราทั้งหมด 80,000 ต้นคาดว่าจะสามารถกักเก็บก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 2,000 ตันคาร์บอน นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า(DBD) กระทรวงพาณิชย์เตรียมขยายผลนำต้นยางพารามาเป็นหลักประกันเงินกู้เป็นครั้งแรกของประเทศไทย

ทั้งนี้ ธ.ก.ส. ตั้งเป้าหมายในการฟื้นฟูและรักษาพื้นที่ป่าชุมชน ควบคู่กับการดึงศักยภาพของชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการปลูกดูแลและอนุรักษ์ป่า โดยสนับสนุนองค์ความรู้ และการติดตามประเมินผลโครงการตั้งแต่เริ่มต้นปลูกต้นไม้ การขึ้นทะเบียน T-VER การวัดผลประเมินคาร์บอนเครดิต จนถึงการจำหน่ายคาร์บอนเครดิตผ่านโครงการ BAAC Carbon Credit อย่างต่อเนื่อง โดย ธ.ก.ส.

ยังคงเดินหน้าขึ้นทะเบียน T-VER ให้กับชุมชนธนาคารต้นไม้ที่ ธ.ก.ส. สนับสนุนกว่า 6,800 ชุมชนทั่วประเทศซึ่งคาดว่าจะสามารถกักเก็บปริมาณการซื้อขายคาร์บอนเครดิตสะสม 6,331 ตันคาร์บอน สร้างพื้นที่สีเขียวกว่า 20,000 ไร่ หรือคิดเป็นจำนวนต้นไม้กว่า 4.95 ล้านต้นเพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรและชุมชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวลดปัญหาโลกร้อนและการเปลี่ยนอากาศบริสุทธิ์ให้กลายเป็นรายได้สู่ชุมชน อีกทั้งยังช่วยตอบโจทย์เป้าหมายการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี
ค.ศ. 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emission) ในปี ค.ศ. 2065

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ