ส่งออกต.ค.โตแผ่ว 5.7% เหตุประเทศคู่ค้ามีสต็อกสูง ลุ้นทั้งปีโต 10.7-11.4%

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday November 25, 2025 11:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ส่งออกต.ค.โตแผ่ว 5.7% เหตุประเทศคู่ค้ามีสต็อกสูง ลุ้นทั้งปีโต 10.7-11.4%

สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย เดือนต.ค.68 ว่า การส่งออก มีมูลค่า 28,835.6 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 5.7% จากตลาดโต 6.5-7.3% ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า ส่วนการนำเข้า มีมูลค่า 32,272.5 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 16.3% ส่งผลให้เดือนต.ค. ขาดดุลการค้า 3,436.9 ล้านดอลลาร์

ขณะที่ช่วง 10 เดือนของปีนี้ (ม.ค.-ต.ค.) การส่งออก มีมูลค่ารวม 282,982.1 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 13.0% ส่วนการนำเข้า มีมูลค่ารวม 286,848.3 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 12.4% ส่งผลให้ 10 เดือนแรกปีนี้ ไทยขาดดุลการค้า 3,866.2 ล้านดอลลาร์

ส่งออกต.ค.โตแผ่ว 5.7% เหตุประเทศคู่ค้ามีสต็อกสูง ลุ้นทั้งปีโต 10.7-11.4%

นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการ สนค. กล่าวว่า การส่งออกในเดือนต.ค.นี้ ชะลอตัวลงจากเดือนก่อน (ก.ย.) ที่ขยายตัวได้ถึง 19% เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา ไทยได้เร่งส่งออกไปค่อนข้างมาก ทำให้ประเทศคู่ค้ามีสต็อกสินค้าในปริมาณสูง ส่งผลให้การส่งออกในเดือนนี้ชะลอตัว

"ที่ผ่านมา การส่งออกสูงเพราะวัฎจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และความต้องการสินค้าในสหรัฐขยายตัวดีขึ้น นอกจากนี้ ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา มีการส่งออกค่อนข้างสูง นั่นหมายถึงประเทศคู่ค้ามีสต็อกค่อนข้างสูง สิ่งที่ตามมา ตอนนี้คือการส่งออกค่อย ๆ ชะลอลง จะเห็นได้จากเดือนนี้ ที่การส่งออกค่อย ๆ ชะลอลง" ผู้อำนวยการ สนค. กล่าว
*ลุ้นส่งออกทั้งปีโต 10.7-11.4%

พร้อมระบุว่า แนวโน้มการส่งออกในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีนี้ (พ.ย.-ธ.ค.) เชื่อว่า ประเทศคู่ค้ายังมีสต็อกสูง ดังนั้น การส่งออกน่าจะชะลอตัว ประกอบกับฐานที่สูงในปีก่อน ทำให้ สนค.คาดการณ์ว่าการส่งออก 2 เดือนสุดท้าย จะมีมูลค่าราว 25,000-26,000 ล้านดอลลาร์/เดือน ซึ่งจะทำให้การส่งออกทั้งปี ขยายตัวได้ในช่วง 10.7-11.4% คิดเป็นมูลค่า 3.32-3.34 แสนล้านดอลลาร์

สำหรับแนวโน้มการส่งออกของไทยในปี 69 ยังต้องขอหารือกับผู้ประกอบการส่งออกในแต่ละกลุ่มสินค้าก่อน โดยคาดว่าภายในเดือนธ.ค.นี้ จะมีข้อสรุปตัวเลขเป้าหมายการส่งออกไทยในปีหน้าได้ ทั้งนี้ ยังเชื่อว่าการส่งออกปีหน้าจะยังสามารถขยายตัวเป็นบวก

สำหรับการส่งออกในเดือนต.ค. แยกเป็นรายสินค้า

- สินค้าเกษตร มีมูลค่า 1,963.6 ล้านดอลลาร์ ลดลง -14.6% ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 โดยสินค้าที่ส่งออกลดลง ได้แก่ ข้าว, ผลไม้สด แช่เย็น-แช่แข็ง และแห้ง, ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง, ยางพารา

- สินค้าเกษตรอุตสาหกรรม มีมูลค่า 2,059.1 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 6.2% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 โดยสินค้าที่ขยายตัวดี ได้แก่ ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์, ผลไม้กระป๋องและแปรรูป และผลิตภัณฑ์ข้าวสาลี และอาหารสำเร็จรูปอื่น ๆ

- สินค้าอุตสาหกรรม มมูลค่า 24,032.4 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 8.8% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 19 โดยสินค้าที่ขยายตัวดี ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ, แผงสวิตช์ และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า, อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ), เครื่องโทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ, เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์, รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ

สำหรับตลาดส่งออกสำคัญที่ขยายตัวได้ดีใน 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. สหรัฐ 2. เอเชียใต้ 3. จีน 4. ลาตินอเมริกา และ 5. สหภาพยุโรป ส่วนตลาดส่งออกสำคัญที่หดตัวใน 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) 2. สวิตเซอร์แลนด์ 3.สหราชอาณาจักร 4.เกาหลีใต้ และ 5.ทวีปแอฟริกา

นายนันทพงษ์ ระบุว่า ปัจจัยสนับสนุนสำคัญต่อการส่งออกของไทยในระยะต่อไป มาจากการเติบโตของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลที่มีความต้องการในระดับสูง ส่งผลให้กิจกรรมการผลิตภาคอุตสาหกรรมของโลก และประเทศคู่ค้าสำคัญยังขยายตัวได้ นอกจากนี้ สินค้าเกษตรแปรรูปและอาหาร ยังคงมีความต้องการในตลาดโลก และการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ ยังขยายตัวสูง แม้เผชิญกับปัญหากำแพงภาษี

อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทที่อาจแข็งค่าขึ้นในช่วงปลายปี และปริมาณสินค้าเกษตรของไทยที่อาจลดลงจากปัญหาอุทกภัย ท่ามกลางการแข่งขันที่สูงขึ้นตลาดโลก ล้วนเป็นปัจจัยที่กระทรวงพาณิชย์ต้องติดตามต่อไป

"แนวโน้มการส่งออกในช่วงที่เหลือของปี 2568 คาดว่าจะยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่อง แม้จะเติบโตในอัตราที่ชะลอลง" ผู้อำนวยการ สนค.ระบุ

สำหรับการส่งออกในปีหน้า มองว่าจะชะลอตัวลงจากปีนี้ จาก 3 เหตุผลหลัก กล่าวคือ

1. ฐานปีนี้ถือว่าค่อนข้างสูง โดยกระทรวงพาณิชย์คาดว่าทั้งปี การส่งออกจะขยายตัวได้ราว 107-11.4%

2. ปัญหาภาษีสหรัฐฯ ซึ่งแม้ปีนี้จะปรับตัวได้ดีจากการเร่งส่งออกในช่วงก่อนที่มาตรการภาษีมีผลบังคับใช้ แต่เชื่อว่าในปีหน้า ผลของมาตรการภาษีจะชัดเจนขึ้น ส่งผลให้การส่งออกของไทยมีแนวโน้มชะลอตัวลง

3. ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) ทำให้อุปสงค์มีแนวโน้มลดลง

ทั้งนี้ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ได้มีนโยบายและแผนงานในการขยายการส่งออกของไทย อาทิ การรักษาตลาดเดิม บุกตลาดศักยภาพใหม่ เร่งเจรจาความตกลงเพื่อเปิดประตูการค้า ในขณะที่ต้องเร่งเจรจาข้อตกลง Reciprocal Tariff พร้อมยกระดับหุ้นส่วนเศรษฐกิจกับสหรัฐฯ และหาข้อสรุปให้มีความชัดเจนโดยเร็ว เพื่อให้ผู้ส่งออกใช้ประโยชน์จากความตกลงให้ได้มากที่สุด รวมไปถึงการจัดตั้งทีมเฉพาะกิจ เพื่อประเมินผลกระทบจากมาตรการภาษี เพื่อให้ผู้ส่งออกได้รับทราบข้อมูลที่จำเป็นในการบริหารจัดการต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ