ธปท. เร่งประเมินผลกระทบน้ำท่วมใต้ฉุดศก. รอกนง.17 ธ.ค. เคาะตัวเลข GDP ส่งท้ายปี

ข่าวเศรษฐกิจ Friday November 28, 2025 16:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธปท. เร่งประเมินผลกระทบน้ำท่วมใต้ฉุดศก. รอกนง.17 ธ.ค. เคาะตัวเลข GDP ส่งท้ายปี

น.ส.ปราณี สุทธศรี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงสถานการณ์อุทกภัยใหญ่ที่เกิดขึ้นทางภาคใต้ ว่า สถานการณ์น้ำท่วมดังกล่าว ได้สร้างความเสียหายต่อทั้งชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ตลอดจนกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ในพื้นที่ต้องหยุดชะงักในทันที ไม่ว่าจะเป็นด้านการท่องเที่ยว, การค้า, การผลิต และการเกษตร

ซึ่งขณะนี้ ธปท.กำลังอยู่ระหว่างการประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจจากเหตุการณ์ความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยจะนำมาพิจารณาพร้อมกับพัฒนาการทางเศรษฐกิจในด้านอื่น ๆ ซึ่งจะได้ประกาศประมาณการเศรษฐกิจไทย ในช่วงการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 17 ธ.ค.นี้

"มูลค่าเศรษฐกิจของจังหวัดสงขลา และนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของภาคใต้ ทั้งปีมี GDP คิดเป็น 2.6% ของ GDP โดยรวมของทั้งประเทศ ซึ่งความเสียหายต่อเดือน ผลกระทบก็จะต้อง scale ออกมา และที่มองอีกส่วนคือผลกระทบด้านการท่องเที่ยว ซึ่งปกติแล้วจะมีนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย เดินทางเข้ามาเฉลี่ยวันละประมาณ 1 หมื่นคน ซึ่งเป็นผลกระทบทางเศรษฐกิจหลัก ๆ ที่เราประเมิน แต่จะต้องมีการ recover การเยียวยา การซ่อมสร้าง ซึ่งกิจกรรมซ่อมสร้าง ก็จะตามมา" น.ส.ปราณี ระบุ

สำหรับผลกระทบจากความเสียหายของน้ำท่วมใหญ่ ที่อาจจะนำมาซึ่งปัญหาหนี้สินครัวเรือนเพิ่มขึ้น จะทำให้ต้องมีการเพิ่มมาตรการให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมหรือไม่นั้น น.ส.ปราณี กล่าวว่า ผลกระทบต่อประชาชนมีค่อนข้างมาก ธปท.เห็นว่าลูกหนี้มีความจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ ซึ่ง ธปท.ได้มีการเน้นย้ำและกำชับให้สถาบันการเงินเร่งให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบ ภายใต้แนวทางของการผ่อนปรน ซึ่งมีหลักเกณฑ์เรื่องการให้ความช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยพิบัติอยู่แล้ว

"ที่ผ่านมา ได้เห็นแต่ละแบงก์ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าในแต่ละพื้นที่ตามความจำเป็น ซึ่งเราเองก็มอนิเตอร์ว่า มาตรการที่ออกมายังมี gap อยู่ตรงไหน เพื่อจะเข้าไปช่วย และหารือกับแบงก์เพิ่มเติมต่อไป และภายใต้มาตรการที่ผ่อนปรนนี้ การจัดชั้นหนี้เสีย ก็ได้มีการผ่อนปรนให้ด้วย ซึ่งในสถานการณ์หนี้เสียนั้น จะเข้าไปดูแลให้เร็ว และเราเองก็ผ่อนปรนเรื่องการจัดชั้นด้วย" น.ส.ปราณีระบุ

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา ธปท. ได้กำชับให้สถาบันการเงิน สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยที่มิใช่สถาบันการเงิน เร่งให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ภายใต้แนวทางผ่อนปรนหลักเกณฑ์ที่แบงก์ชาติได้เคยกำหนดไว้แล้ว ดังนี้

1. สินเชื่อบัตรเครดิต สามารถพิจารณาปรับลดอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำสำหรับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบ ให้ต่ำกว่าอัตราที่ ธปท. กำหนดได้ เป็นระยะเวลาไม่เกิน 12 เดือน นับตั้งแต่วันที่พื้นที่นั้น ๆ ถูกประกาศเป็นเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย

2. สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับและสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล สามารถพิจารณาเงื่อนไขวงเงินชั่วคราวกรณีฉุกเฉินให้เกินกว่าอัตราที่ ธปท. กำหนดได้ เพื่อให้ลูกหนี้มีแหล่งเงินทุนฉุกเฉินเพียงพอสำหรับการฟื้นฟูความเสียหายอันเนื่องมาจากปัญหาสาธารณภัย โดยให้อนุมัติวงเงินดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ไม่เกิน 12 เดือน นับตั้งแต่วันที่พื้นที่นั้น ๆ ถูกประกาศเป็นเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย

3. สินเชื่อทุกประเภท สามารถพิจารณาให้ความช่วยเหลือด้านเงินทุนและสภาพคล่องแก่ลูกหนี้เพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัยหรือเพื่อให้สามารถประกอบอาชีพหรือดำเนินธุรกิจต่อได้ รวมถึงการปรับเงื่อนไข เช่น ลดหรือยกเว้นดอกเบี้ยค่าธรรมเนียม ผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระหนี้ หรือปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดยให้อนุมัติวงเงินดังกล่าวโดยเร็ว ไม่เกิน 12 เดือน นับตั้งแต่วันที่พื้นที่นั้น ๆ ถูกประกาศเป็นเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย

ทั้งนี้ ระหว่างให้ความช่วยเหลือ ธปท. จะผ่อนปรนหลักเกณฑ์การจัดชั้นลูกหนี้ ให้คงการจัดชั้นเดิมเช่นเดียวกับก่อนประสบสาธารณภัยได้

ส่วนในช่วงหลังจากนี้ ซึ่งจะเป็นเรื่องของการฟื้นฟูเยียวยาความเสียหายจากผลกระทบของน้ำท่วม อันอาจจะอยู่ในช่วงรอยต่อระหว่างรัฐบาลปัจจุบันกับรัฐบาลชุดใหม่นั้น น.ส.ปราณี มองว่า กรอบงบประมาณรายจ่ายที่รัฐบาลได้อนุมัติไว้แล้ว จะมีงบกลางรายการฉุกเฉินที่สามารถนำออกมาใช้เยียวยาผลกระทบน้ำท่วมได้ จึงเชื่อว่าจะไม่มีผลให้เกิดการสะดุดในเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อช่วยเหลือประชาชนในส่วนนี้ แม้จะเป็นรัฐบาลรักษาการก็ตาม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ