คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) วันนี้มีมติเห็นชอบมาตรการเพิ่มเติมเพื่อเยียวยาและฟื้นฟูผู้ประสบภัยจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง หลังจากนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะเดินทางลงพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวานนี้ โดยเป็นชุดมาตรการที่ประกอบด้วย พักหนี้ทั้งเงินและดอกเบี้ยลูกหนี้ธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐ การให้สินเชื่อเพื่อการยังชีพและฟื้นฟูบ้านเรือนที่อยู่อาศัย รวมถึงสินเชื่อดอกเบี้ยผ่อนปรนสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ครั้งที่ 6/2568 ว่า ภายหลังน้ำลด สิ่งที่ต้องทำคือการบูรณาการความช่วยเหลือทุกภาคส่วนเพื่อฟื้นฟูชีวิตประชาชนกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว ซึ่งมาตรการช่วยเหลือเยียวยาฟื้นฟู ได้แก่
1.การลดภาระหนี้ สินเชื่อผ่านความร่วมมือของธนาคารแห่งประเทศไทย สถาบันการเงินของรัฐ และสถาบันการเงินภาคเอกชน
- ช่วยเหลือด้วยมาตรการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 12 เดือน โดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจจะยกเว้นการคิดดอกเบี้ยในช่วงเวลาการพักชำระหนี้ รายละไม่เกิน 1,000,000 บาทต่อสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
- การให้สินเชื่อเพื่อเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ เป็นสินเชื่อเพิ่มเติมภายใต้วงเงินกู้เดิมกับธนาคาร (ลูกหนี้เดิม) รายละไม่เกิน 1 แสนบาท ปลอดดอกเบี้ย 12 เดือนแรก
- การให้สินเชื่อเพื่อฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ วงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อราย ปลอดดอกเบี้ย 12 เดือนแรก
- การสนับสนุนเงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางที่ได้รับความเสียหาย การยกเว้นภาษีเงินได้
- เอสเอ็มอี ผู้ประกอบการจะมีซอฟต์โลน เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ โดยมี บสย.ค้ำประกันเพื่อประกอบธุรกิจได้
2.การเพิ่มเงินในกระเป๋าส่งเงินให้ประชาชนได้มีเงินในกระเป๋า
- สำหรับเงินเยียวยา 9,000 บาท เตรียมนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ในวันพรุ่งนี้ และหลังเข้าผ่านความเห็นชอบจาก ครม.แล้วจะเร่งเบิกจ่ายโดยเร็ว
- ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ขยายเงินทดลองเพื่อนำมาใช้จ่ายต่าง ๆ จำนวน 100 ล้านบาท เพื่อช่วยประชาชนที่เดือดร้อนในพื้นที่ ทั้งการจัดครัวจัดอาหารให้กับประชาชนเพื่อให้ประชาชนได้รับความช่วยเหลือโดยเร็ว
- การประกันสินทรัพย์ที่เสียหาย ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) จะจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามการเสียหายที่เกิดขึ้นจริงไม่เกิน 20,000 บาทสำหรับร้านค้าต่าง ๆ ส่วนผู้มีประกัน 30,000 บาท และรถยนต์เคลมเร็ว โดยให้ถ่ายรูปรถยนต์ให้เห็นทะเบียน ระดับน้ำ เพื่อให้เคลมรถยนต์ได้ทันที
- กระทรวงแรงงานจะพบกับผู้ประกอบการ โดยการจะช่วยเหลือแรงงานที่ไม่มีรายได้ เงินนำส่งประกันสังคมขอให้ขยายตัวเวลาเงินนำส่งประกันสังคมทั้งหมด
- ลูกจ้างจะจ่ายทดแทนกรณีว่างงาน 50% ของค่าจ้างเป็นเวลา 180 วัน
- สินเชื่อ เพื่อการจ้างงานให้กับผู้ประกอบการ ลูกจ้างไม่เกิน 200 คน กู้ได้ไม่เกิน 15 ล้านบาท
3.ลดภาระค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะสินค้าราคาถูก ธงฟ้าเยียวยา
- ขยายเวลาชำระภาษีทั้งหมด ผู้ประกอบการขอให้ลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
- ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับซ่อมแซมทรัพย์สินตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 100,000 บาท
- ลดหย่อนภาษีซ่อมแซมรถตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 30,000 บาท
- สำหรับผู้ประกอบการมีค่าใช้จ่ายซ่อมแซมทรัพย์สิน 2 เท่า
- ผู้บริจาคช่วยผู้ประสบภัยสามารถลดหย่อนภาษีได้
- กระทรวงพาณิชย์จะทำรายการธงฟ้า
4.ทำให้พื้นที่ประสบภัยฟื้นฟูกลับมาเข้มแข็ง
นายเอกนิติ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ตั้งคณะกรรมการถอดบทเรียน โดยให้นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ เพื่อพิจารณาแนวทางแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว การเตรียมความพร้อม ให้กระทรวงการต่างประเทศจะขอความช่วยเหลือจากประเทศญี่ปุ่นที่ประสบปัญหาภัยพิบัติเพื่อวางระบบดูแลผู้ประสบภัยหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก สามารถนำบทเรียนนี้มาแก้ปัญหาทั้งระยะสั้น ระยะยาว ไม่ให้เกิดแบบปัญหาเดิม
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังมอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเตรียมแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยให้หน่วยงานราชการไปจัดสัมมนาในพื้นที่น้ำท่วมหลังฟื้นฟูแล้ว เพื่อให้กระตุ้นการท่องเที่ยว ส่วนมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาฟรีนั้นทางกระทรวงมหาดไทยจะมีการพิจารณาเรื่องนี้
ด้านนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการ 3 ระยะ โดยระยะแรกทำทันที ทำไปแล้ว และยังทำอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน คือการส่งสินค้าอุปโภค บริโภค โดยเฉพาะพวกวัตถุดิบอาหาร เช่น ไข่ไก่ ข้าวสาร อาหารต่างๆ ลงไปเป็นวัตถุดิบที่โรงครัว ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นเพราะทุกคนต้องได้รับการดูแลในเรื่องอาหารทันที และมีการส่งเข้าไปต่อเนื่อง โดยร่วมมือกับทางเอกชน และห้างต่างๆ ให้ช่วยกันลงไป และมีการส่งเงินลงไปช่วยตรงนั้นด้วย นี่คือการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนนอกเหนือจากการควบคุมราคาสินค้าให้ไม่แพงเกินไป และไม่ให้มีการกักตุนสินค้า สามารถมีสินค้าที่เพียงพอในการใช้งานในพื้นที่
ระยะที่ 2 เป็นช่วงที่เรากำลังเริ่มทำอยู่ขนานกันไปกับการเยียวยา โดยดูว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการซ่อมแซมบ้าน ยานพาหนะ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับไฟฟ้า ที่จะต้องใช้งาน ซึ่งเป็นอุปกรณ์จำเป็น ก็มีการประสานกับทางห้างต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบิ๊กซี โลตัส แม็คโคร รวมไปถึงห้างเฉพาะกิจ อย่างเช่น โฮมโปร เมกะโฮม ไทวัสดุ เมกะเฮ้าส์ ซึ่งจะร่วมลดราคาสูงสุด 80% เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสินค้าเหล่านี้ ไม่ขาดแคน มีอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นสำคัญ เช่น เบรคเกอร์ สายไฟ หรือหัวเทียน และมีการร่วมมือกับทาง SCG ในการนำเอาอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้าน และช่างต่างๆ เข้าไปในพื้นที่ที่จะช่วยให้ได้
ระยะที่ 3 คือ มหกรรมธงฟ้า ซึ่งจะเป็นลักษณะพิเศษ โดยจะเน้นในเรื่องอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นสำคัญ นอกจากสิ่งอุปโภคบริโภคแล้ว จะมีการจัดจุดเคลื่อนที่เพื่อความสะดวกของประชาชน อีกทั้งมีการนำผู้ประกอบการที่เป็นลักษณะแฟรนไชส์ ลงไปเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ สร้างอาชีพ โดยที่กระทรวงพาณิชย์จะประสานกับกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการช่วยสนับสนุนเงินค่าแฟรนไชส์บางส่วนด้วย
ขณะเดียวกัน ยังมีการเสริมสร้างการหาโอกาสให้เข้าถึงแหล่งทุน โดยที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าทำงานร่วมกับ SME เพื่อให้ผู้ประกอบการเล็ก สามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จะอำนวยความสะดวกในเรื่องของการขอใบรับรอง การจดทะเบียนบริษัท การขอใบอนุญาตต่างๆ เพื่อความรวดเร็ว โดยจะให้จังหวัดทำงานร่วมกับพาณิชย์ส่วนกลาง ในการให้ความสะดวกสบายกับผู้ประกอบกิจการทั้งหลาย เพื่อฟื้นฟูกิจการกลับมาทำการค้าได้อีก