ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 32.02 แนวโน้มผันผวนทิศทางแข็งค่า คาดกรอบวันนี้ 31.95-32.10

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday December 2, 2025 09:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงิน บาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.02 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อย จากปิดเมื่อวานที่ระดับ 31.97 บาท/ดอลลาร์

โดยตั้งแต่คืนที่ผ่านมา เงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อย แต่โดยรวมยังเคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน นอกจากนี้ เงินบาทยังเผชิญ แรงกดดันเพิ่มเติมบ้าง จากการทยอยย่อตัวลงของราคาทองคำ หลังปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในช่วงวันก่อนหน้า

สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท มีแนวโน้มทยอยแข็งค่าขึ้น ทดสอบระดับ 32.00 บาท/ดอลลาร์ หรืออาจแข็งค่ากว่าระดับดัง กล่าวได้บ้าง ในช่วงสิ้นปีนี้ แต่ในช่วงระยะสั้น การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็ยังคงเป็นไปอย่างจำกัด

อย่างไรก็ดี เงินบาทก็อาจพอได้แรงหนุนบ้าง หากราคาทองคำยังสามารถทยอยรีบาวด์สูงขึ้น หรืออย่างน้อย ก็ไม่ได้ปรับตัวลด ลงต่อเนื่องในช่วงที่ตลาดเผชิญภาวะปิดรับความเสี่ยง

"ความผันผวนของเงินบาทเสี่ยงที่จะสูงขึ้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้ม ดอกเบี้ยเฟด และธนาคารกลางหลักต่าง ๆ ประเด็นการเมืองสหรัฐฯ ที่ต้องจับตาทั้งสถานการณ์ Government Shutdown (ที่จะกลับมา อีกครั้งในช่วงต้นปี 2569) และการพิจารณาคดีมาตรการภาษีนำเข้า โดยศาลสูงสุด" นายพูน ระบุ

นายพูน มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 31.95-32.10 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 155.71 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเย็นวานที่ระดับ 155.28 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1600 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเย็นวานที่ระดับ 1.1620 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 32.068 บาท/ดอลลาร์

-"ค่าบาทแข็ง" หลุด 32 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าสุดในรอบกว่า 2 เดือน และสูงสุดในภูมิภาค รับแรงหนุน "เฟด" จ่อผ่อน คลายนโยบายการเงิน ธปท. รับบาทแข็งค่า 1% เหตุ "ดอลลาร์อ่อนค่า" เร่งออกมาตรการลดกดดันเงินบาท ชง "คลัง" ขยายวงเงิน รายได้ ต่างประเทศไม่ต้องนำกลับประเทศเป็น 10 ล้านดอลลาร์จาก 1 ล้านดอลลาร์ "กรุงไทย" มองกรอบสิ้นปีนี้ 31.85-32.45 บาท ต่อดอลลาร์ "เงินทุนต่างชาติ" ไหลทยอยเข้าซื้อบอนด์ไทย "กรุงศรี" มองบาทแข็งกดดันมาร์จินส่งออก แต่ความต้องการสินค้าไทย ใน ตลาดโลกยังเป็นปัจจัยสำคัญกว่าค่าเงิน

  • นายกฯ วางโจทย์งบปี 2570 คุมขาดดุล ตรึงหนี้ เพิ่มประสิทธิภาพใช้จ่ายภาครัฐ ย้ำเงินทุกบาทต้องคุ้มค่าและตรวจสอบ
ได้ ขณะที่ รมว.คลัง-ผู้ว่าการ ธปท. ยันนโยบายการเงิน-การคลังเป็นหนึ่งเดียว คลังกระตุ้นเศรษฐกิจ ธปท.แก้ปัญหาเฉพาะจุดเชิงโครง
สร้าง ประสานงานฟื้นเศรษฐกิจ
  • ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณย์ (SCB EIC) ปรับเพิ่มประมาณการส่งออกไทยปี 2025 เป็น 10.7% จาก
เดิม 5.3% (ตัวเลขระบบดุลการชำระเงิน, มุมมอง ณ พฤศจิกายน 2025) แม้ตัวเลขส่งออกเดือนตุลาคมออกมาต่ำกว่าคาดพอสมควร
เนื่องจากการส่งออกไตรมาส 3 ยังเติบโตได้ดีในช่วงที่สหรัฐฯ เริ่มขึ้นกำแพงภาษีแล้ว สำหรับในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีนี้ มูลค่าส่งออก
มีแนวโน้มเติบโตต่ำจากปัจจัยฐานสูง
  • "อนุทิน" ชี้ยุบสภาฯ อยู่ที่สถานการณ์ จำเป็นก็ไม่มีทางเลือก ไม่ประเมินตัวเองแต่มั่นใจทำทุกอย่างถูกทาง บอกช่วยคนไม่
ได้หวังคะแนน "จุลพันธ์" สยบลือ "เพื่อไทย" ยื่นซักฟอกรัฐบาลหลัง 11 ธ.ค.นี้ไม่จริง ยันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม
  • ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศและอาเซียนเปิดเผยถึงแนวโน้มเศรษฐกิจโลกปี 2569 ว่าจะขยายตัวอยู่ที่ 3.0-
3.1% ต่ำสุดในรอบ 6 ปี จากความเสียหายเศรษฐกิจโลกที่สะสมมามานาน จากปัญหาเศรษฐกิจจีนชะลอตัว, เศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะหนี้
สาธารณะสะสมเพิ่มขึ้น, ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ในหลายประเทศ เช่น รัสเซีย-ยูเครน จีน-ไต้หวัน และไทย-กัมพูชา
  • ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวัน
จันทร์ (1 ธ.ค.) เนื่องจากกระแสคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังคงสร้างแรงกดดันต่อดอลลาร์
ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ก่อนที่การประชุมนโยบายการเงินของเฟดจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (1 ธ.ค.) ซึ่งเป็นการปิดในแดนบวกติดต่อกัน 6 วันทำการ โดยตลาดยังคง
ได้แรงหนุนจากความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 9-10 ธ.ค. นอกจากนี้ การอ่อน
ค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนราคาทองคำ
  • ตลาดจับตาการประชุมเฟดในวันที่ 9-10 ธ.ค. ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของปี โดยมีการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลด
อัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group ระบุว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 87.6% ที่เฟดจะปรับลด
ดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.503.75% ในการประชุมวันที่ 10 ธ.ค. และให้น้ำหนัก 12.4% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 3.75
4.00%
  • ตลาดจับตาถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในงานเสวนาว่าด้วยผลงานและ
นโยบายเศรษฐกิจของจอร์จ ชูลท์ซ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ในสมัยของอดีตประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศ
ทางนโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ยของเฟด
  • นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนได้แสดงความ
เห็นสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม ซึ่งรวมถึงคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการเฟด และจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขา
นิวยอร์ก
  • ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนประจำเดือนพ.ย.จาก ADP ซึ่งจะมีการ
เปิดเผยในวันพุธ และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนก.ย. ซึ่งจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยดัชนี PCE
เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้า
และบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
  • นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์
นี้ ก่อนที่การประชุมนโยบายการเงินของเฟดจะมีขึ้นในวันที่ 9-10 ธ.ค. โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่อง
จากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค
(CPI)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ