ศูนย์วิจัยกสิกรฯ คาดประชุมเฟด 9-10 ธ.ค.หั่นดอกเบี้ย 0.25% ปี 69 ปรับลดอีก 3 ครั้ง

ข่าวเศรษฐกิจ Friday December 5, 2025 15:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิจัยกสิกรฯ คาดประชุมเฟด 9-10 ธ.ค.หั่นดอกเบี้ย 0.25% ปี 69 ปรับลดอีก 3 ครั้ง

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่าในการประชุม FOMC วันที่ 9-10 ธ.ค. 2568 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของปี 2568 คาดเฟดมีมติไม่เป็นเอกฉันท์ปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ลงมาอยู่ที่ 3.50-3.75% ท่ามกลางตัวเลขตลาดแรงงานที่ชะลอลง

สัญญาณตลาดแรงงานอ่อนแรงลงต่อเนื่อง โดยตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP เดือนพ.ย. 2568 หดตัว 32,000 ตำแหน่งซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบกว่า 2 ปีครึ่ง นอกจากนี้ ภาคการผลิตสหรัฐฯหดตัวต่อเนื่อง โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนพ.ย. 2568 หดตัวเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกันจากคำสั่งซื้อที่ลดลง ขณะที่ดัชนี PMI ภาคบริการออกมาต่ำกว่าคาดแม้ยังทรงตัวอยู่ในแดนขยายตัว

แม้เงินเฟ้อยังคงอยู่เหนือกรอบเป้าหมายของเฟดแต่ความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะเร่งตัวขึ้นในระยะข้างหน้ามีจำกัด เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯมีท่าทีผ่อนคลายลงต่อการขึ้นภาษีนำเข้าและให้ความสำคัญกับปัญหาค่าครองชีพมากขึ้น ขณะที่ การส่งผ่านต้นทุนภาษีฯมายังราคาสินค้าผู้บริโภคคาดว่าจะไม่ส่งผลให้เงินเฟ้อเร่งตัวเร็วและแรงส่งผลให้เฟดมีแนวโน้มให้น้ำหนักต่อความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมากกว่า

ในการประชุมเดือนธ.ค. นี้คาดเฟดปรับลดดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.25%แบบมีมติไม่เป็นเอกฉันท์ โดยก่อนหน้านี้ประธานเฟดบอสตัน Susan Collins และประธานเฟดแอตแลนตา Raphael Bostic ส่งสัญญาณคัดค้านการปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในการประชุมเดือนธ.ค.เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงและมีแนวโน้มปรับลดลงช้าขณะที่ผู้ว่าการเฟด Christopher Waller ส่งสัญญาณสนับสนุนการปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.เพื่อพยุงตลาดแรงงานที่อ่อนแรงลงสอดคล้องกับประธานเฟดนิวยอร์ก John

Williamsที่ได้ส่งสัญญาณว่าเฟดยังคงมีช่องว่างสำหรับการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมส่งผลให้ตลาดมองความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. นี้ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 90% (ณ วันที่ 4 ธ.ค.2568)

ในปี 2569 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่าเฟดมีแนวโน้มทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีกราว 3 ครั้ง สอดคล้องกับภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯที่คาดว่าจะชะลอลงจากฝั่งการบริโภคภาคครัวเรือน โดยเฉพาะในกลุ่มรายได้น้อยแม้ว่าปัจจุบันเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงมีความยืดหยุ่น (resilient) อยู่พอสมควรจากแรงขับเคลื่อนของการลงทุนภาคเอกชน(capex) อย่างไรก็ดี ทิศทางนโยบายการเงินของเฟดในปีหน้าจะยังมีความไม่แน่นอนสูงโดยขึ้นอยู่กับพัฒนาการของข้อมูลเศรษฐกิจและเงินเฟ้อเป็นสำคัญ รวมถึงความเสี่ยงจากนโยบายการคลังและสภาวะตึงตัวในตลาดการเงิน

นอกจากนี้การสิ้นสุดวาระของประธานเฟด Jerome Powell ในเดือนพ.ค. 2569 เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ตลาดต้องจับตาเนื่องจากจุดยืนทางนโยบายของประธานเฟดคนใหม่อาจส่งผลต่อเส้นทางดอกเบี้ยในระยะถัดไป

ทั้งนี้ ในการประชุมเดือนธ.ค. 2568 นี้จะมีการเผยแพร่ประมาณการเศรษฐกิจอัตราเงินเฟ้อ และ Dot Plot ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าเฟดอาจส่งสัญญาณการปรับลดดอกเบี้ยมากกว่าหนึ่งครั้ง เพิ่มเติมจากที่ระบุไว้ในการประชุมเดือนกันยายน 2568

เพื่อสะท้อนภาพเศรษฐกิจที่เริ่มอ่อนแรงและความจำเป็นของการผ่อนคลายนโยบายการเงินในปีหน้า

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ