กระทรวงการคลัง ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แถลงมาตรการส่งเสริมการออมระยะยาวที่เพิ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) และเตรียมเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหญ่พิจารณาก่อนสิ้นปีนี้ และจะเริ่มใช้ภายในปีภาษี 2569 โดยจะให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการออมและการลงทุนระยะยาว
ปัจจุบัน การลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากการลงทุนและการซื้อประกันชีวิตแยกออกเป็นหลายก้อน ประกันชีวิตแบบบำนาญ (200,000 บาท) , RMF, กองทุนสำรองเลียงชีพ (PVD), กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.), กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน, กองทุนการออมแห่งชาติ จะลดหย่อนได้ไม่เกินปีละ 500,000 บาท
และ Thai ESG ในปี 69 ลดหย่อนได้ปีละไม่เกิน 300,000 บาท ปี 70-75 ลดหย่อนได้ 300,000 บาท
แต่รูปแบบใหม่ TISA รวมทุกรายการทั้งประกันชีวิต, RMF, PVD, กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน, กอช., หุ้น, ETF, กองทุนรวมอื่น ๆ, ตราสารหนี้, Thai ESG (x1.X), Infra Fund (x1.X) ลงทุน XXX,000 บาท ได้ลดหย่อนเทียบเท่าลงทุน 800,000 บาท
สำหรับกระแสข่าวที่ระบุว่าจะมีการกำหนดให้ผู้มีเงินได้ไม่เกินปีละ 1.5 ล้านบาท สามารถหักลดหย่อนได้ 1.3 เท่า แต่ผู้มีเงินได้เกินกว่าปีละ 1.5 ล้านบาท สามารถหักลดหย่อนได้แค่ 0.7 เท่านั้น กระทรวงการคลัง ระบุว่ายังเป็นแค่ตุ๊กตาที่ตั้งไว้เบื้องต้น แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป