นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ยอมรับเป็นห่วงภาวะเศรษฐกิจของไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะติดหล่มจนส่งผลให้ขยายตัวได้ไม่ถึง 1% หลังรัฐบาลประกาศยุบสภาทำให้ไม่สามารถดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง
"ไตรมาสสุดท้ายน่ากลัว เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็ต้องลุ้นว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร มาตรการ Quick Big Win ที่รัฐบาลทำไว้จะมีแรงเหวี่ยงได้แค่ไหน เพราะไม่มีโครงการที่จะดำเนินการต่อเนื่อง" นายเกรียงไกร กล่าวโดยสำนักเศรษฐกิจทุกแห่งคาดการณ์ว่าภาวะเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะไม่ได้ ขณะที่สถานการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชายังไม่คลี่คลายส่งผลกระทบต่อการค้าชายแดน การประกอบอาชีพ การเรียนการสอน การท่องเที่ยว ทุกอย่างต้องหยุดชะงัก ซึ่งหากสถานการณ์ยืดเยื้อเกิน 1 เดือนจะส่งผลกระทบไปถึงเศรษฐกิจในปี 69 ด้วย
ทั้งนี้ ขอให้ทุกภาคส่วนช่วยกันดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย เศรษฐกิจเกิดการหมุนเวียน ซึ่งจากการสังเกตุงานกาชาดปีนี้มีคนมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก และสินค้าที่นำมาออกร้านได้รับความสนใจจนขายเกือบหมดในช่วง 4-5 วันแรก จนต้องนำสินค้ามาเพิ่ม
ประธาน ส.อ.ท.ยังกล่าวถึงการเลือกตั้งทั่วไปว่า ทุกพรรคการเมืองให้ความสนใจเรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจของไทยในขณะนี้ล้าหลังประเทศเพื่อนบ้าน GDP ขยายตัวไม่ถึง 2% แต่สิ่งที่อยากให้พรรคการเมืองคำนึงถึง 2 ประการ คือ 1.ขอให้คนไทยช่วยกันสกัดทุนเทาที่จะเข้ามาครอบงำการเมือง ซึ่งจะส่งผลให้เสียเอกราชอย่างไม่รู้ตัว เพราะขณะนี้ทุนเทาแทรกซึมเข้ามาทุกช่องทาง
"เมื่อก่อนได้ยินว่าซื้อเสียงหัวละ 500-1,000 บาท แต่เดี๋ยวนี้จะใช้เงินมหาศาลมากถึงหัวละ 3-4 พัน เราอย่าไปอยากได้เงินแค่แล้วทิ้งปัญหาไว้" นายเกรียงไกร กล่าวอีกประการคือ พรรคการเมืองควรเลือกบุคคลที่มีคุณภาพมาทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรี เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไปข้างหน้า อย่างเป็นแก่พรรคพวก เพราะหากเลือกคนดีมีฝีมือเข้ามาทำงานก็จะช่วยจุดประกายความหวังให้กับประชาชน
"ก็ได้แต่หวังว่าพรรคการเมืองจะเป็นแก่ประเทศชาติ เลือกคนที่มีความสามารถเหมาะกับตำแหน่ง" นายเกรียงไกร กล่าว