นายชลัช รัตนบุญนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ระบุว่า ในปี 2568 การส่งออกไทยกลับมาเติบโตในระดับสูง และเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์หลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยคาดว่าการส่งออกทั้งปีนี้ จะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 10%
อย่างไรก็ดี ภาคการส่งออกยังเผชิญความท้าทายสำคัญในเชิงโครงสร้าง ที่ถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องเร่งแก้ไข โดยเฉพาะเรื่องความไม่สมดุลระหว่างจำนวนผู้ส่งออก SMEs ที่มีสัดส่วนสูงถึงเกือบ 80% ของผู้ส่งออกทั้งหมด แต่สร้างมูลค่าส่งออกได้เพียง 10% ของมูลค่าส่งออกรวม ขณะที่ผู้ส่งออกรายใหญ่ที่มีอยู่ราว 20% กลับครองสัดส่วนมูลค่าส่งออกกว่า 90% ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการรายใหญ่ ยังครองสัดส่วนสินเชื่อธุรกิจในระบบเกือบ 70% มากกว่า SMEs ที่มีสัดส่วน 30%
ทั้งนี้ EXIM BANK คาดการณ์ว่า การส่งออกไทยในปี 2569 จะขยายตัวได้ที่ราว 0-2% จากแรงกดดันด้านสงครามการค้า ข้อพิพาทชายแดน ความผันผวนของค่าเงิน และฐานที่สูงจากการเร่งส่งออก (Front-loading)
นายชลัช กล่าวว่า EXIM BANK พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการให้ปรับตัว แข่งขันได้ และมีรากฐานที่มั่นคงในระยะยาว ผ่านการกระตุ้นการส่งออก การแก้ไขและปรับโครงสร้างหนี้ การเพิ่มสภาพคล่อง และการสนับสนุนการลงทุนเพื่ออนาคต
นอกจากนี้ EXIM BANK ยังจัดทีมเฉพาะกิจ เพื่อขยายบทบาทการสนับสนุนภาคธุรกิจ และการส่งออกไทย รวมถึงการเยียวยาและฟื้นฟูผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตอุทกภัยในภาคใต้ ตลอดจนเตรียมพร้อมสำหรับวิกฤตต่าง ๆ ภายใต้บทบาท Export Co-pilot ที่พร้อมยืนเคียงข้างเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยตลอดห่วงโซ่อุปทาน ให้เติบโตได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน ด้วยเครื่องมือทางการเงิน และการบริหารความเสี่ยงที่พร้อมในทุกสถานการณ์