ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 31.50/52 บาทยังแกว่งแคบ แม้กนง.ลดดอกเบี้ย คาดกรอบพรุ่งนี้ 31.40-31.65

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday December 17, 2025 17:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ อยู่ที่ระดับ 31.50/52 บาท/ดอลลาร์ จากช่วงเช้า เปิดตลาดที่ระดับ 31.47 บาท/ดอลลาร์

ระหว่างวัน เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 31.47-31.52 บาท/ดอลลาร์ ปัจจัยเงินบาทวันนี้มาจากผลประชุมคณะกรรมการ นโยบายการเงิน (กนง.) ที่มีมติลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ส่งผลให้สิ้นปี 68 ดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับ 1.25%

อย่างไรก็ดี ในวันนี้ภาพรวมยังไม่ค่อยมีแรงส่งเงินบาท ตลาดค่อนข้างบางและเงียบ เช่นเดียวกับสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาค

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.40-31.65 บาท/ดอลลาร์ โดยตลาดรอดูดัชนีราคาผู้ บริโภค (CPI) เดือนพ.ย. ของสหรัฐฯ ในวันพรุ่งนี้

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 155.50 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 154.85 เยน/ดอลลาร์
  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 1.1720 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1746 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,256.85 จุด ลดลง 3.83 จุด (-0.30%) โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 32,017.40 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,168.38 ลบ.
  • ที่ประชุมประชุม กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาที่ 1.25% จากเดิม 1.50% ต่อปี
โดยให้มีผลทันที โดยเห็นว่านโยบายการเงินสามารถผ่อนคลายเพิ่มเติมได้ภายใต้เศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวชัดเจน และมีความเสี่ยงมาก
ขึ้น เพื่อให้ภาวะการเงินสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และช่วยบรรเทาภาระหนี้ให้กับกลุ่มเปราะบาง รวมถึงช่วยเสริมประสิทธิผลของ
มาตรการทางการเงิน และนโยบายอื่นของภาครัฐ
  • กนง. คงคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 68 เติบโต 2.2% ส่วนปี 69 คาดขยายตัว 1.5% ต่ำกว่าประมาณการเดิมที่
1.6% และปี 70 มีแนวโน้มขยายตัว 2.3% กนง. ยังปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 68 และ 69 ลงเมื่อเทียบกับประมาณการ
เดิม โดยแนวโน้มเงินเฟ้อปี 68 อยู่ที่ -0.1 ส่วนปี 69 อยู่ที่ 0.3% และปี 70 เร่งตัวขึ้นมาที่ 1.0%
  • กนง. ยกระดับติดตามการเคลื่อนไหวของเงินบาทใกล้ชิด โดยขณะนี้ค่าเงินบาทแข็งค่าในกลุ่มนำสกุลภูมิภาค ตามการปรับ
คาดการณ์แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ และปัจจัยเฉพาะของไทย กนง. เห็นควรให้ยกระดับการติดตามการ
เคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด รวมถึงพิจารณาแนวทางดำเนินการกับธุรกรรมที่สร้างแรงกดดันต่อค่าเงินบาทอย่างมีนัยสำคัญ
  • ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เผย ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำประจำเดือน ธ.ค. 68 อยู่ที่ 75.42 ปรับเพิ่มขึ้นขึ้น
1.07 จุด หรือคิดเป็น 1.43% จากระดับ 74.35% ในเดือน พ.ย. 68 โดยปัจจัยที่ทำให้ดัชนีฯ ปรับเพิ่มขึ้น ได้แก่ นโยบายอัตราดอกเบี้ย
ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ความต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย แรงซื้อเก็งกำไร และแรงซื้อ
ทองคำจากธนาคารกลางชาติต่าง ๆ
  • ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. 68 อยู่ที่
ระดับ 89.1 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 87.3 ในเดือนต.ค. 68 ทั้งนี้ การปรับขึ้นของดัชนีฯ ในเดือนพ.ย. นี้ เป็นผลมาจากหลายปัจจัย
สำคัญ ได้แก่ มาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย อาทิ โครงการคนละครึ่ง พลัส, เที่ยวดีมีคืน และการเติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งมีส่วน
ช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชน และส่งผลดีต่อการบริโภคสินค้าอาหาร-เครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างต่อเนื่อง
  • ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ยอมรับเป็นห่วงภาวะเศรษฐกิจของไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี
นี้จะติดหล่ม จนส่งผลให้ขยายตัวได้ไม่ถึง 1% หลังรัฐบาลประกาศยุบสภาทำให้ไม่สามารถดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง
  • ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย เปิดเผยแนวโน้มเศรษฐกิจไทยมีทิศทางขาลง โดยคาด
ปี 68 ขยายตัว 1.9% ส่วนปี 69 โต 1.6% โดยมองว่า ความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยยังมีทั้งหมด 5 เรื่อง คือ 1. ความเสี่ยงเรื่อง
สงครามการค้า 2. ความเสี่ยงเรื่องภาคท่องเที่ยว 3. สถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ 4. สถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา 5 .
ด้านการเมือง

ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ 1/69 จะเป็นตัวตัดสินภาพเศรษฐกิจ และในไตรมาส 2/69 รัฐบาลจะเข้ามาบริหารประเทศ จึงมองว่า เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกยังมีสัญญาณ Sideway Down และเศรษฐกิจไทยอาจเริ่มพลิกฟื้นกลับมาในช่วงไตรมาส 3/69

  • ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ประเมินว่า ในปี 68 การส่งออกไทยกลับมาเติบโต
ในระดับสูง และเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์หลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยคาดว่าการส่งออกทั้งปีนี้ จะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 10% ทั้งนี้ คาดการณ์
ว่า การส่งออกไทยในปี 69 จะขยายตัวได้ที่ราว 0-2% จากแรงกดดันด้านสงครามการค้า ข้อพิพาทชายแดน ความผันผวนของค่าเงิน และ
ฐานที่สูงจากการเร่งส่งออก (Front-loading)
  • ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 4.75% ตามคาด ในการประชุมวันนี้ (17 ธ.
ค.) ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของปี โดยมีเป้าหมายเพื่อลดแรงกดดันที่มีต่อค่าเงินรูเปียห์ ท่ามกลางกระแสเงินทุนต่างชาติที่
ไหลออกอย่างต่อเนื่อง
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.2% เมื่อ

เทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากระดับ 3.6% ในเดือนก่อนหน้า และต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 3.5% รวมถึงต่ำกว่าตัว

เลขคาดการณ์ของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ที่ระดับ 3.4% โดยตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดนี้ ถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน ซึ่งอาจเป็น

การปูทางให้ BoE ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (18 ธ.ค.)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ