นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 68 มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ต่อปีจาก 1.50% ต่อปีมาอยู่ที่ 1.25% ต่อปีโดยให้มีผลทันทีนั้น
ทั้งนี้ ธ.ก.ส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ จึงพร้อมปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายและสอดรับกับนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาหนี้สินอย่างยั่งยืน ธ.ก.ส. พร้อมช่วยบรรเทาภาระหนี้สินให้กับผู้ประกอบการ SME ภาคการเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติรวมถึงช่วยลดผลกระทบจากมาตรการทางภาษีของสหรัฐอเมริกา ให้ผู้ประกอบการ SME สามารถฟื้นตัวและดำเนินงานต่อได้ตามปกติในภาวะที่เศรษฐกิจยังเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน
ธ.ก.ส. จึงปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงสูงสุด 0.25% ต่อปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 69 เป็นต้นไป ประกอบด้วย
อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ประเภทเงินเกินบัญชี (MOR) คงเหลือ 6.125% ต่อปี
อัตราดอกเบี้ยลูกค้านิติบุคคลชั้นดี (MLR) คงเหลือ 6.025% ต่อปี
นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ได้ออกมาตรการดูแลด้านหนี้สินอย่างครบวงจรให้กับเกษตรกรลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง อาทิ มาตรการพักชำระหนี้เกษตรกรรายย่อยตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งมีผู้เข้าร่วมมาตรการเฟส 3 จำนวน 1.35 ล้านราย ต้นเงินกว่า 203,000 ล้านบาท และได้ดำเนินการฟื้นฟูอาชีพให้กับลูกค้าที่เข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้เพื่อเป็นการต่อยอดการประกอบอาชีพให้กับผู้เข้าร่วมโครงการให้สามารถลดต้นทุนและเพิ่มรายได้ระหว่างการเข้าร่วมมาตรการ
รวมถึง ธ.ก.ส. ได้มีการสนับสนุนเงินทุนผ่านสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อเสริมสภาพคล่องในการใช้จ่ายและการประกอบอาชีพของเกษตรกรทั้งรายย่อยและผู้ประกอบการเกษตร อาทิ สินเชื่อแทนคุณ สินเชื่อเงินด่วนสิบหมื่น สำหรับสมาชิก อสม. และ อสส. วงเงินกู้รายละไม่เกิน 100,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 0.50% ต่อเดือน และสินเชื่อเกษตรวิวัฒน์เพื่อสร้างรายได้คู่ขนานจากการทำ การเกษตร อัตราดอกเบี้ย 5 ปีแรก MRR -2% ต่อปี