น.ส.อัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือน ก.ค.68 เป็นต้นมา กระทรวงพาณิชย์ ได้มีการติดตามสถานการณ์การค้าอย่างใกล้ชิด และได้มีการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) เรื่อง มาตรการบรรเทาผลกระทบกรณีสถานการณ์ชายแดน ร่วมกับ 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา อาทิ อุบลราชธานี สุรินทร์ บุรีรัมย์ และตราด โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจากทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งสามารถสรุปข้อมูลจากการระดมความคิดเห็นในจังหวัด เกี่ยวกับผลกระทบและมาตรการฯ แบ่งตามกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบ 4 กลุ่ม ดังนี้
1.ประชาชนทั่วไป รัฐบาลดูแลราคาสินค้าให้เป็นธรรม มีปริมาณเพียงพอ เสนอให้จัดงานจำหน่ายสินค้าราคาประหยัด เพื่อลดค่าครองชีพและส่งเสริมอาชีพเสริม เพื่อเพิ่มรายได้ให้ประชาชน
2. เกษตรกรและผู้ประกอบการสินค้าเกษตร เพิ่มช่องทางการตลาดภายในประเทศ เชื่อมโยงสินค้าสู่ตลาดกลาง สหกรณ์ โรงงานแปรรูปพร้อมลดต้นทุนการผลิต เช่น ปุ๋ยและปัจจัยการเกษตร
3. ผู้ค้ารายย่อยและผู้ประกอบการ OTOP สนับสนุนการนำสินค้าไปจำหน่ายนอกพื้นที่ มีการจัดพื้นที่แสดงและจำหน่ายสินค้าโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย รวมถึงเชื่อมโยงกับโรงแรม ร้านอาหาร และแหล่งท่องเที่ยว
4. ผู้ส่งออก เร่งหาตลาดใหม่ทดแทนตลาดเดิม อำนวยความสะดวกด้านโลจิสติกส์ และส่งเสริมการบริโภคสินค้าในประเทศ เพื่อลดผลกระทบระยะสั้น
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการเสริมด้านการเงิน การกระตุ้นเศรษฐกิจ การลดค่าใช้จ่ายของประชาชนและผู้ประกอบการ รวมถึงมาตรการด้านแรงงาน เพื่อช่วยสร้างงานและรายได้ในพื้นที่
"รัฐบาลยืนยันว่า จะบูรณาการการทำงานทุกภาคส่วน เพื่อบรรเทาผลกระทบอย่างเป็นรูปธรรมดูแลประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการให้สามารถก้าวผ่านสถานการณ์นี้ไปได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน" น.ส.อัยรินทร์ ระบุ