สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 พ.ย.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐทำให้นักลงทุนเทขายสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทต่างๆ รวมถึงทองคำ อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำปรับตัวลงในกรอบที่จำกัด เนื่องจากนักลงทุนยังคงมองว่าทองคำยังคงเป็นแหล่งการลงทุนที่ปลอดภัยที่ช่วงที่วิกฤตหนี้ยุโรปยังไม่คลี่คลาย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดลบ 9.7 ดอลลาร์ หรือ 0.5% แตะที่ 1,778.4 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1784.6 - 1777.4 ดอลลาร์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 65.8 เซนต์ ปิดที่ 34.024 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 2.45 เซนต์ ปิดที่ 3.488 ดอลลาร์/ปอนด์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 1.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 664.30 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 2.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,644.10 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สัญญาทองคำปรับตัวลงเพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินที่เป็นคู่ค้าหลักของสหรัฐ พุ่งขึ้น สู่ระดับ 77.489% ในวันจันทร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 76.947% เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรปได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ปลอดภัยอย่างดอลลาร์
นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังได้ฉุดสัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลง และเป็นอีกปัจจัยที่สร้างแรงกดดันให้กับตลาดทองคำด้วย
อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์กล่าวว่า นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงมองว่าทองคำเป็นแหล่งการลงทุนที่ปลอดภัยในช่วงที่วิกฤตหนี้ยุโรปยังไม่คลี่คลาย และแม้ว่าผู้นำของกรีซและอิตาลีพยายามที่จะลดกระแสความวิตกกังวลในตลาดการเงินในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่นักลงทุนมองว่าการแก้ไขวิกฤตหนี้ยุโรปจะต้องใช้เวลาอีกนาน