ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับตัวลง 0.77% แตะที่ 11,370 จุด และดัชนี S&P 500 ล่วงหน้า ร่วงลง 0.8% แตะที่ 1,173.80 จุด ณ เวลา 8.45 น.ตามเวลานิวยอร์กในวันนี้ ก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการ โดยตลาดได้รับปัจจัยลบกดดันจากข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนแอของจีน รวมถึงความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้สาธารณะในยูโรโซนที่ยังคงยืดเยื้อ และเริ่มมีสัญญาณว่าอาจลุกลามถึงเยอรมนี ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่สุดในภูมิภาค
เอชเอสบีซี เปิดเผยวันนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเบื้องต้น ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 48 จุดในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2552 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้เกิดความวิตกกังวลว่า เศรษฐกิจจีนอาจจะทรุดตัวลงอย่างรุนแรง และยิ่งเพิ่มความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะถดถอยของเศรษฐกิจทั่วโลก
รายงานของเอชเอสบีซีระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจของจีนได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจในต่างประเทศ และคาดว่า จะส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้รับผลกระทบอยู่ก่อนแล้วจากวิกฤตหนี้ยุโรป
ขณะเดียวกัน เยอรมนีต้องประสบกับความผิดหวังในการประมูลขายพันธบัตรอายุ 10 ปีวันนี้ โดยเยอรมนีสามารถระดมทุนได้เพียง 3.889 พันล้านยูโร ต่ำกว่าเป้าหมายสูงสุดที่วางไว้ที่ 6 พันล้านยูโร อยู่กว่า 30% ซึ่งอุปสงค์ที่อ่อนแอนี้สะท้อนให้เห็นว่าตลาดวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์หนี้ยูโรโซนเป็นอย่างมาก
ความต้องการที่อ่อนแอดังกล่าวยังส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของฝรั่งเศสและเบลเยียมพุ่งสูงขึ้นด้วย โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของฝรั่งเศส ปรับตัวขึ้น 1.1% แตะ 3.63% ขณะที่ของเบลเยียมพุ่งขึ้น 1.4% มาอยู่ที่ 5.22%
ทั้งนี้ สหรัฐอเมริกามีกำหนดเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการ ได้แก่ รายได้ส่วนบุคคล, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ ขณะที่ คณะกรรมการนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 1-2 พฤศจิกายน