รัฐบาลญี่ปุ่นคงการประเมินพื้นฐานของเศรษฐกิจประเทศ โดยระบุว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆ แต่ขณะเดียวกันก็เตือนถึงสัญญาณที่บ่งชี้ว่าการใช้จ่ายด้านทุนของภาคธุรกิจได้อ่อนแอลง อันเป็นผลมาจากการชะลอตัวของการส่งออกและการผลิต
รายงานประจำเดือนพฤศจิกายนของสำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นระบุว่า "เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงฟื้นตัวขึ้นอย่างช้าๆ แม้ประสบกับความยากลำบากอย่างต่อเนื่องอันเป็นผลมาจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงที่สุดในภาคตะวันออกของญี่ปุ่นเมื่เดือนมีนาคม"
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ในรายงานเดือนล่าสุดได้มีการเปลี่ยนแปลงถ้อยคำเล็กน้อยจากรายงานเมื่อเดือนตุลาคมที่ระบุว่า "เศรษฐกิจยังคงฟื้นตัว แม้ว่าจะเป็นอัตราที่ช้าลง" อย่างไรก็ดี ทางสำนักงานฯ ชี้แจงว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่ได้หมายความถึงการเปลี่ยนแปลงการประเมินโดยรวมแต่อย่างใด
สำหรับในเดือนนี้ สำนักงานฯ ได้ปรับทบทวนองค์ประกอบในการประเมินลงเพียง 1 องค์ประกอบจากทั้งหมด 14 องค์ประกอบ โดยระบุว่า "การลงทุนของภาคธุรกิจยังคงรักษาระดับไว้ได้คงที่ แม้มีความเคลื่อนไหวที่อ่อนแอในระยะนี้" เมื่อเทียบกับมุมมองในเดือนตุลาคมที่ว่า "การใช้จ่ายด้านทุนของบริษัทเอกชนกำลังปรับตัวคงที่ หลังจากที่อ่อนแอลงอันเป็นผลมาจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว"
โดยการประเมินที่ลดลงมาจากการที่ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรของประเทศ ซึ่งไม่รวมยอดสั่งซื้อเรือและยอดสั่งซื้อจากบริษัทด้านสาธารณูปโภค ลดลง 8.2% ในเดือนกันยายน จากเดือนสิงหาคม สำนักงานประเมินว่าตัวเลขดังกล่าวจะลดลงเฉลี่ย 3.8% ในไตรมาสสี่ โดยให้เหตุผลถึง ยอดส่งออกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ชะลอตัวลงท่ามกลางแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่มืดมน
รายงานล่าสุดระบุว่า "บริษัทเอกชนมีกำไรลดลง" พร้อมกับเสริมว่า "บริษัทต่างๆ คาดว่าสภาวะทางธุรกิจในปัจจุบันเริ่มดีขึ้น อย่างไรก็ตาม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมยังมีความระมัดเกี่ยวกับอนาคตในระยะสั้น"
"การส่งออกยังคงทรงตัว ในขณะที่การผลิตยังคงฟื้นตัวอย่างช้าๆ " รายงานระบุ
การสะดุดลงของห่วงโซ่อุปทานชิ้นส่วนประกอบที่สำคัญทั่วประเทศอันเป็นผลมาจากเหตุแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิเมื่อวันที่ 11 มีนาคม ได้รับการจัดการแล้ว แต่เหตุการณ์น้ำท่วมในประเทศไทยเมื่อเร็วๆ นี้ ได้สร้างภาระใหม่ให้กับผู้ผลิตของญี่ปุ่น เนื่องจากหลายบริษัทมีโรงงานผลิตอยู่ในประเทศไทย
ส่วนสถานการณ์การจ้างงานในญี่ปุ่นยังคงอยู่ในขั้นรุนแรง โดยมีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ถึงแม้ว่าอัตราว่างงานจะลดลงมาอยู่ที่ 4.1% ในเดือนกันยายน จาก 4.3% ในเดือนสิงหาคม และ 4.7% ในเดือนกรกฎาคม ในขณะที่การบริโภคภาคเอกชนเกือบทรงตัว