นายกรัฐมนตรีลี เซียน ลุงของสิงคโปร์ กล่าวว่า ช่วงเวลาแห่งความผันผวนและความไม่แน่นอนที่เศรษฐกิจโลกจะต้องเผชิญนั้น ส่งผลให้เกิดความท้าทายสำหรับธนาคารกลางของประเทศที่จะต้องรักษาระบบการเงินและสภาพเศรษฐกิจให้เข้มแข็ง พร้อมทั้วระบุว่า สิงคโปร์กำลังเผชิญการปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์เชิงเศรษฐกิจและการเงิน
“นี่เป็นช่วงเวลาวิกฤตของระบบการเงินและเศรษฐกิจโลก ปัญหาที่สำคัญและซ่อนอยู่ ซึ่งก็คือภาวะหนี้สินและการขาดความสมดุลนั้น ยังไม่ได้รับการแก้ไข โดยเฉพาะในยุโรป" หนังสือพิมพ์สเตรท ไทม์รายงานคำกล่าวของนายลี ระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำในวาระฉลอง 40 ปีธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS)
เขากล่าวว่า แม้ธนาคารกลางทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมในการรักษาระดับราคาและระบบการเงินให้เสถียรภาพ แต่สิงคโปร์ไม่สามารถมองข้ามอนาคตได้
นายลีกล่าวว่า ธนาคารกลางสิงคโปร์รักษาระดับเงินเฟ้อให้คงที่โดยเฉลี่ยประมาณ 2% ต่อปีตลอดช่วง 40 ปีที่ผ่านมา ขณะที่ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศอย่างเป็นทางการของสิงคโปร์ขยายตัวประมาณ 50 เท่า เมื่อพิจารณาตามมูลค่าที่แท้จริง สู่ระดับกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งช่วยรักษาความเชื่อมั่นต่อดอลลาร์สิงคโปร์ ขณะเดียวกันก็ช่วยป้องกันการโจมตีจากการเก็งกำไร
นอกจากนี้ ธนาคารกลางยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสิงคโปร์ให้เป็นศูนย์กลางการเงินระหว่างประเทศอีกด้วย สำนักข่าวซินหัวรายงาน