สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 10 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (1 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำทะยานขึ้นติดต่อกันในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนเริ่มรู้สึกกังวลว่า มาตรการเสริมสภาพคล่องในระบบการเงินโลกที่ดำเนินการร่วมกันระหว่าง 6 ธนาคารกลางชั้นนำของโลกนั้น กำลังสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงอย่างมาก
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 10.5 ดอลลาร์ หรือ 0.6% ปิดที่ 1,739.8 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1752.0 - 1738.8 ดอลลาร์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 4.5 เซนต์ ปิดที่ 32.759 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 4.15 เซนต์ ปิดที่ 3.534 ดอลลาร์/ปอนด์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 3.6 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 1,557.2 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 17.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 630.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักลงทุนเข้ามาเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะตลาดให้การขานรับข่าวธนาคารกลางชั้นนำ 6 แห่ง รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐและธนาคารกลางยุโรป ที่ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยสว็อปดอลลาร์เพื่อช่วยให้ต้นทุนการกู้ยืมในตลาดการเงินปรับตัวลดลง และเพื่อเสริมสภาพคล่องในระบบการเงินโลกให้แข็งแกร่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนเริ่มรู้สึกกังวลว่า การที่ธนาคารกลางทั้ง 6 ตัดสินใจใช้มาตรการดังกล่าวอาจสะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจทั่วโลกกำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์ที่รุนแรง ซึ่งความกังวลในเรื่องนี้นับเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนเทขายออกมาเมื่อคืนนี้ด้วย
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม สัญญาทองคำ COMEX ได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน จากรายงานของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ที่ว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ย.ขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 52.7 จุด ซึ่งเป็นระดับที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีนี้ และเป็นการขยายตัวติดต่อกันยาวนานถึง 28 เดือน
นอกจากนี้ การอ่อนค่าลงของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่หนุนสัญญาทองคำในระหว่างวันด้วย โดยดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินที่เป็นคู่ค้าหลักของสหรัฐ อ่อนตัวลง 0.12% แตะที่ 78.29 เมื่อวานนี้