นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)กล่าวว่า จากความเสียหายจากสถานการณ์น้ำท่วมที่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของประชาชน คาดว่าอาจมีประชาชนบางส่วนที่หันไปพึ่งพาแหล่งเงินกู้นอกระบบเพิ่มมากขึ้น
สศค.ประเมินว่า วิกฤตอุทกภัยในปีนี้ได้สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจไทยด้านภาคการผลิต ประกอบด้วย ภาคการเกษตร อุตสาหกรรม บริการและการท่องเที่ยว มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นอยู่ที่ 127,162-254,324 ล้านบาท และส่งผลกระทบต่อภาวะการจ้างงาน
สอดคล้องกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รายงานวิกฤตอุทกภัยทำให้อัตราการว่างงานในไตรมาส 4/54 อยู่ที่ระดับร้อยละ 1.8 - 2.3 หรืออยู่ที่ประมาณ 730,000-920,000 คน และส่งผลให้ประชาชนมีรายได้ลดลงไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ
ดังนั้น สศค.จึงได้เตรียมการแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องตามแผนแม่บทการเงินระดับฐานรากที่มีเป้าหมายสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจโดยผ่านกระบวนการสร้างความเข้มแข็งขององค์กรการเงินภาคประชาชนให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ และพัฒนาบทบาทของสถาบันการเงินเฉพาะกิจเพื่อเติมเต็มช่องว่างในระบบการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของประชาชนและลดการพึ่งพาแหล่งเงินทุนนอกระบบ
สศค.มีมาตรการรองรับการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบโดยได้ร่วมกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจ 5 แห่ง เปิดจุดบริการสำหรับรับปรึกษาปัญหาหนี้นอกระบบของประชาชนและพิจารณาให้สินเชื่อแก่ประชาชนในทุกสาขาทั่วประเทศ เพื่อเตรียมพร้อมในการปล่อยสินเชื่อให้ลูกหนี้นอกระบบในพื้นที่โดยตรงได้ทันที ตามหลักเกณฑ์ และกลไกของแต่ละสถาบันการเงินที่มีเครื่องมือสำหรับการปล่อยสินเชื่ออยู่ในระบบปัจจุบัน ซึ่งสถาบันการเงินเฉพาะกิจจะมีรูปแบบและหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือที่หลากหลาย
สถาบันการเงินเฉพาะกิจได้ออกมาตรการที่สำคัญ เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.)ขยายเวลาการชำระหนี้เงินกู้เดิมเป็นเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปีบัญชี 54-56 หากลูกค้าเสียชีวิตจากอุทกภัยให้จำหน่ายลูกหนี้ออกจากบัญชีเป็นหนี้สูญ ธนาคารออมสิน พักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย หรือพักชำระหนี้เงินต้นไม่เกิน 6 เดือน
ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยผ่อนปรนการชำระหนี้ทั้งส่วนเงินต้นและกำไรเป็นระยะเวลา 3 เดือน ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ให้วงเงินกู้เพื่อปรับปรุง ซ่อมแซม ฟื้นฟูกิจการ และ/หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียน รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท ธนาคารอาคารสงเคราะห์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยและเปิดโอกาสให้กู้เพิ่มเติม เป็นต้น
นอกจากนี้ สถาบันการเงินของรัฐ ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ได้มีโครงการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยกรุงไทยสู้อุทกภัย โดยปลอดชำระเงินต้นไม่เกิน 6 เดือน สำหรับผู้ได้รับความเสียหาย
ทั้งนี้ ประชาชนที่มีความสนใจสามารถติดต่อขอสินเชื่อแต่ละแห่งผ่านสายด่วนของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ดังนี้
? ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร โทร. 02 280 0180 ต่อ 2352
? ธนาคารออมสิน โทร. 1115
? ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย โทร. 1302
? ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย โทร. 1357
? ธนาคารอาคารสงเคราะห์ โทร. 02 645 9000