สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (13 ธ.ค.) เนื่องจากบรรยากาศการซื้อขายได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ยุโรป และรายงานยอดค้าปลีกที่อ่อนแอของสหรัฐ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 5.1 ดอลลาร์ หรือ 0.3% ปิดที่ 1,663.1 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,627.80 - 1,681.70 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ดีดขึ้น 25.80 เซนต์ ปิดที่ 31.26 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 2.25 เซนต์ ปิดที่ 3.4415 ดอลลาร์/ปอนด์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 5.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,492.30 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.บวก 1.15 ดอลลาร์ ปิดที่ 664.15 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในช่วงเช้านั้นสัญญาทองคำดีดตัวขึ้นขานรับข่าวรัฐบาลสเปนสามารถระดมทุนจากการจำหน่ายพันธบัตรระยะสั้นได้ 4.94 พันล้านยูโร (6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เมื่อวานนี้ ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายสูงสุดที่วางไว้ที่ 4.25 พันล้านยูโร โดยให้อัตราผลตอบแทนในระดับที่ต่ำกว่าการประมูลครั้งก่อน
อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำเริ่มอ่อนแรงลงหลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร อันเนื่องมาจากการที่นางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีได้ออกมาปฏิเสธการเพิ่มทุนทรัพย์ให้กับกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) ซึ่งเป็นกองทุนให้ความช่วยเหลือประเทศยูโรโซนและจะทำหน้าที่แทนกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ในวันข้างหน้า
นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ยอดค้าปลีกของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นอัตราขยายตัวยังนับว่าช้าที่สุดในรอบ 5 เดือน และยังต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์รายหนึ่งคาดว่า สถานการณ์ทางการเมืองที่ยังคงตึงเครียดในซีเรียและอิหร่าน อาจจะช่วยกระตุ้นให้นักลงทุนกลับเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย