ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ในการประชุมวันนี้ หลังจากที่ได้ปรับลดดอกเบี้ยลงติดต่อกันในการประชุมสองเดือนที่ผ่านมา
การตัดสินใจตรึงดอกเบี้ยของอีซีบีในการประชุมครั้งล่าสุดนี้ เป็นไปตามคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ที่เชื่อว่า อีซีบีจะยังไม่เปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ เพราะยังคงต้องรอดูผลของมาตรการต่างๆ ที่ธนาคารได้ประกาศใช้ในการประชุมครั้งก่อน
ทั้งนี้ อีซีบีได้ลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมเดือนพ.ย. และธ.ค. โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซาในภูมิภาค เพราะหวั่นเกรงว่า หากเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย อาจทำให้รัฐบาลของประเทศต่างๆประสบกับความยากลำบากมากขึ้นในการลดภาระหนี้สิน
นอกจากนี้ ในเดือนธ.ค. อีซีบียังได้ประกาศปล่อยสินเชื่อ 3 ปี ให้ธนาคารพาณิชย์ 523 แห่งในยูโรโซน โดยคิดดอกเบี้ยเพียง 1% ด้วยความหวังว่า ธนาคารต่างๆในภูมิภาคจะมีเงินไปใช้สำหรับกู้ยืมซึ่งกันและกันได้ง่ายขึ้น รวมถึงปล่อยกู้ให้ภาคธุรกิจซึ่งจะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจที่แท้จริง หรือนำไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลในภูมิภาค
นายมาริโอ ดรากิ ประธานอีซีบี กล่าวในการแถลงข่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมว่า ข้อมูลต่างๆที่มีการเปิดเผยตั้งแต่ช่วงต้นเดือนธ.ค. ตอกย้ำการประเมินก่อนหน้านี้ของอีซีบีในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเงินเฟ้อว่า มีแนวโน้มว่าเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ที่ระดับสูงกว่า 2% ต่อไปในอีกหลายเดือนข้างหน้า ก่อนที่จะลดลงสู่ระดับต่ำกว่า 2%
นายดรากิกล่าวต่อไปว่า อัตราการขยายตัวทางการเงินยังคงอยู่ในระดับปานกลาง และสถานการณ์ความตึงเครียดต่างๆที่เกิดขึ้นในตลาดการเงินเวลานี้ จะยังคงส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในยูโรโซนให้ย่ำแย่ลงอีก ตามที่มีการคาดการณ์กันไว้
ประธานอีซีบีกล่าวด้วยว่า เศรษฐกิจยูโรโซนยังคงเผชิญกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนสูง
เขากล่าวว่า การอัดฉีดสภาพคล่องและรูปแบบการจัดสรรเงินกู้เพื่อการรีไฟแนนซ์ จะยังคงสนับสนุนภาคธนาคารในยูโรโซน และจะส่งผลสืบเนื่องไปถึงเศรษฐกิจที่แท้จริง
ดรากิระบุว่า ปัจจัยต่างๆ ซึ่งรวมถึงอุปสงค์ทั่วโลกที่ขยายตัวเพียงปานกลาง, ความเชื่อมั่นทางธุรกิจและผู้บริโภคที่อ่อนแอในยูโรโซน และสถานการณ์ตึงเครียดที่ดำเนินอยู่ในตลาดพันธบัตรยูโรนั้น ดูเหมือนว่าจะส่งผลกระทบต่อแรงผลักดันการขยายตัวของเศรษฐกิจยูโรโซน แต่ขณะเดียวกัน ก็กล่าวเสริมว่า อีซีบียังคงคาดว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาคจะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นในปี 2555 นี้ โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ทั่วโลกที่ปรับตัวดีขึ้น, อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่อยู่ในระดับต่ำมาก และมาตรการอื่นๆที่นำมาใช้เพื่อสร้างเสถียรภาพให้ภาคการเงิน
เขากล่าวว่า สถานการณ์ตึงเครียดในตลาดตราสารหนี้ยูโรโซนและความเป็นไปได้ที่สถานการณ์ดังกล่าวจะลุกลามไปสู่เศรษฐกิจที่แท้จริง ถือเป็นภัยคุกคามต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของภูมิภาค และยังมีความไม่แน่นอนอยู่ในระดับสูง
มีสัญญาณว่า สถาบันการเงินควบคุมการปล่อยสินเชื่ออย่างเข้มงวดมากขึ้น โดยดรากิเผยว่า อัตราการขยายตัวของการปล่อยสินเชื่อให้แก่ภาคเอกชน ลดลงสู่ระดับ 1.9% ในเดือนพ.ย. จากระดับ 3.0% ในเดือนต.ค. และอัตราการขยายตัวของการปล่อยกู้ให้กับบริษัทนอกภาคการเงิน และการปล่อยกู้แก่ภาคครัวเรือนก็อยู่ในระดับปานกลางเช่นกันในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา