สหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติของสหรัฐ (NRF) คาดการณ์ว่า การขยายตัวของยอดค้าปลีกในสหรัฐ จะลดลงมาอยู่ที่ 3.4% คิดป็นมูลค่า 2.53 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ เพราะได้รับผลกระทบจากการทรุดตัวของตลาดที่อยู่อาศัย
รายงานของ NRF ระบุว่า ยอดค้าปลีกของสหรัฐในปี 2554 ขยายตัวที่ระดับ 4.7% ส่วนอัตราการขยายตัวโดยเฉลี่ย 10 อยู่ที่ 3.1% ต่อปี
แมทธิว เชย์ ผู้บริหารของ NRF กล่าวว่า การขยายตัวของยอดค้าปลีกในสหรัฐจะชะลอตัวลงในปีนี้ เนื่องจากตลาดที่อยู่อาศัยยังคงอยู่ในภาวะซบเซา และเศรษฐกิจที่ขยายตัวน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ พฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันก็เปลี่ยนแปลงไป โดยผู้บริโภคมุ่งเน้นไปที่มูลค่าของสินค้ามากขึ้น ขณะที่บริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ รวมถึงเจซี เพนนี และวิลเลียมส์-โซโนมา อิงค์ ก็เริ่มปรับคาดการณ์ผลกำไรในไตรมาส 4
ผู้บริหารของ NRF กล่าวว่า รัฐบาลควรจะให้ความช่วยเหลืออุตสาหกรรมค้าปลีก ด้วยการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงมาสู่ระดับ 25% จากปัจจุบันที่ระดับ 35% และรัฐบาลควรจะใช้นโยบายด้านอื่นๆในการสนับสนุนอุตสาหกรรมค้าปลีกด้วยเช่นกัน รวมถึงการอำนวยความสะดวกในการออกวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการเดินทางมาจับจ่ายซื้อของในสหรัฐ