นายโชอิชิ ยูกิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายรถยนต์ในประเทศไทยปี 55 ไว้ที่ 6 หมื่นคัน หรือขยายตัวกว่า 40% จากปีก่อนที่ทำยอดขายรวม 41,980 คัน ซึ่งถือเป็นสถิติยอดขายสูงที่สุดตั้งแต่บริษัทเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ทั้งนี้เชื่อว่ารถยนต์มาสด้าจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มเป็น 6% จาก 5.3% ในปีก่อน
ทั้งนี้ มาสด้าคาดว่าในปีนี้รถสปอร์ตมาสด้า 2 จะมียอดขาย 30,000 คัน รถยนต์นั่งมาสด้า 3 ที่ 8,000 คัน และรถปิกอัพมาสด้า บีที-50 ที่ 22,000 คัน
บริษัทฯ เตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆพร้อมทั้งรุ่นพิเศษออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีและในทุกๆไตรมาส โดยวันที่ 24 ม.ค. นี้จะมีการเปิดตัวรถปิกอัพ All New Mazda BT-50 PRO ใหม่ และในช่วงปลายไตรมาส 1/55 จะเปิดตัว All New Mazda 3 เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร และจะมีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นพิเศษสเปเชียลลิมิเต็ดเอดิชั่น โดยเฉพาะ Racing Series อย่างต่อเนื่อง
พร้อมกันนั้น บริษัทฯมีแผนขยายเครือข่ายผู้จัดจำหน่ายเพิ่มเป็น 140 แห่งทั่วประเทศ จาก ณ สิ้นปี 54 ที่มีอยู่ 130 แห่ง เพื่อให้ครอบคลุมในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และเพียงพอต่อปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในจังหวัดใหญ่ๆ
นายโชอิชิ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดรถยนต์ในประเทศปีนี้คาดว่าจะมียอดขายรวมกันกว่า 1 ล้านคัน แม้ภาคธุรกิจจะยังมีความไม่แน่นอน แต่ปริมาณความต้องการของผู้บริโภคยังอยู่ในระดับสูง ประกอบกับได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการรถคันแรกของรัฐบาล
"ปี 55 จะเป็นปีแห่งการแข่งขันที่ดุเดือดร้อนแรง และจะเป็นปีที่ยอดขายรถยนต์ในประเทศไทยมียอดขายสูงสุดเพิ่มขึ้นทะลุเกิน 1,000,000 คัน และบริษัทตั้งเป้าหมายไว้สูงสุดเช่นเดียวกัน โดยคาดว่าจะมียอดขายมากที่สุดนับตั้งแต่เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยถึง 60,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 45% ครองส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 6% ซึ่งสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราสามารถบรรลุเป้าหมาย นั่นคือเรากำลังจะเปิดตัวแนะนำ The All New Mazda BT-50 PRO ใหม่ ในวันที่ 24 ม.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นโปรดักซ์สำคัญที่พร้อมจะเปลี่ยนโฉมหน้าวงการรถปิกอัพของไทย"นายยูกิ กล่าว
ด้าน น.ส.สุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กล่าวว่า ตลาดรถยนต์ในปี 55 ของไทยจะมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กและตลาดรถปิกอัพ เนื่องจากค่ายรถยนต์ต่างๆเตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง และประเมินว่ายอดขายรถปิกอัพจะมีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นเกิน 50% ในรอบ 3 ปี ของยอดขายรวมทั้งประเทศ เพราะหลังเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมทำให้ความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง