ศูนย์ข้อมูลวิจัยอสังหาฯคาดปี 55 เอกชนหันลงทุนคอนโดฯ-เล็งขยับขึ้นราคา

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday January 18, 2012 16:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายโสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอทเตส แอฟแฟร์ส คาดว่า ในปี 55 ผู้ประกอบการจะกระจายการลงทุนไปพัฒนาโครงการอาคารชุดหรือคอนโดมิเนียมมากขึ้นแทนที่อยู่อาศัยแนวราบ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมหรือได้รับผลกระทบน้อย ซึ่งจะได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากขึ้น รวมทั้งประเมินว่าราคาอสังหาริมทรัพย์มีโอกาสปรับขึ้น 3-4 % ตามต้นทุนค่าวัสดุและค่าแรงงานที่เพิ่มขึ้น

พร้อมทั้งแนะนำให้ผู้ประกอบการควรมีแนวทางกระจายความเสี่ยงในการพัฒนาพื้นที่ในส่วนภูมิภาค อาทิ ชลบุรี หัวหิน เชียงใหม่ ภูเก็ต เป็นต้น รวมทั้งกระจายไปยังต่างประเทศที่มีโอกาสในการลงทุนตามการเปิดพรมแดนในอนาคต อย่างไรก็ตามหากเศรษฐกิจของประเทศดีจะมีการพัฒนาเพิ่มมากขึ้น โดยโครงการใหม่ๆควรจะมีการป้องกันเรื่องน้ำท่วม

ศูนย์ข้อมูลฯ คาดว่าจำนวนโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ในปี 55 ใกล้เคียงกับปี 54 ที่มีการเปิดโคงการใหม่ 85,000 หน่วย รวมมูลค่า 256,042 ล้านบาท ลดลงถึง 27% ของโครงการใหม่ทั้งหมดและ 15% ของมูลค่าในปี 53 ซึ่งสะท้อนภาวะถดถอยลง

"มองในแง่ดีจะไม่ทำให้เกิดภาวะฟองสบู่ เนื่องจากผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมส่งผลต่อการชะลอการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคซึ่งเป็นการชะลอไปในช่วงเวลาหนึ่ง และมองว่าปัญหาดังกล่าวจะไม่ส่งผลในระยะยาวขณะที่ผู้ประกอบการก็จะปรับตัวโดยพัฒนาโครงการในระดับที่เหมาะสม"นายโสภณ กล่าว

ขณะที่ในด้านการขายอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ประเภทคอนโดเป็นสินค้าที่มีการตอบรับสูง โดยมีสัดส่วนการขาย 50% บ้านเดี่ยว 20% ทาวเฮาส์ 30% เนื่องจากคอนโดมิเนียมสามารถซื้อเก็งกำไรได้ ขายได้ราคาดี และเป็นที่อยู่อาศัย ขณะที่บ้านเดี่ยวจะชะลอตัวจากการที่เป็นสินทรัพย์ขนาดใหญ่ภายใต้ภาวะดังกล่าวทำให้ขายได้ช้าลง

นอกจากนี้ในช่วงไตรมาส 1/55 อาจมีกำลังซื้อของผู้บริโภคในส่วนของที่อาศัยคงเหลือ โดยจากการวิจัยพบว่ามีที่อยู่อาศัยคงเหลือในปี 55 จำนวน 134,266 หน่วย หรือประมาณ 3% ของที่อยู่อาศัยทั้งหมดในกรุงเทพและปริมณฑล ซึ่งตัวเลขคงเหลือถือว่าไม่น่าเป็นห่วง

"ผลที่เราสำรวจเชื่อว่าผู้ประกอบการคงจะต้องปรับตัวจากสิ่งที่เกิดขึ้นในปี 54 ไตรมาส 2 ที่เคยเป็นช่วง slow down ของธุรกิจ แต่ในปีนี้อาจจะไม่ เพราะคนอั้นหรือคนที่ลังเลจากปีที่แล้วมาซื้อก็เป็นไปได้และถ้ายิ่งทางการประกาศเงินเดือนข้าราชการเป็น 1.5 หมื่นบาทจะส่งผลให้มีกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งดอกเบี้ยเงินฝากต่ำกว่าเงินเฟ้อทำให้คนยังซื้อที่อยู่อาศัยทั้งในรูปแบบที่ซื้อเก็งกำไรหรือซื้อเพื่ออยู่จริงๆ ผลกระทบน้ำท่วมจะเป็นบทเรียนต่อผู้ประกอบการต้องปรับตัวและจะเห็นว่าผู้ประกอบการบางรายจะชะลอการเปิดโครงการและการพัฒนาทาวเฮาส์และบ้านเดี่ยวยากขึ้น"นายโสภณกล่าว

อย่างไรก็ตาม คาดว่ากำลังซื้อจะกลับมาชัดเจนในช่วงไตรมาส 3/55 จากการชะลอตัวจากผลกระทบน้ำท่วมและในไตรมาส 4/55 จะเป็นช่วงขาขึ้นของธุรกิจ

ทั้งนี้ ในปี 54 บริษัทที่เปิดตัวโครงการมากที่สุด คือ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท(PS) จำนวน 48 โครงการ รวม 15,165 หน่วย มูลค่า 37,530 ล้านบาท รองลงมา บมจ.แลนด์แอนด์เฮาส์ (LH) จำนวน 12 โครงการ รวม 4,103 หน่วย มูลค่า 18,594 ล้านบาท อันดับ 3 บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์(NOBLE)จำนวน 2 โครงการ รวม 1,713 หน่วย แต่มูลค่าการขายสูงถึง 16,755 ล้านบาท ภาพรวมมีการเปิดโครงการถึง 407 โครงการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม

ส่วนเหตุการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมากระทบอสังหาริมทรัพย์ 5 หมื่นหน่วย มูลค่าที่ได้รับผลกระทบ 14,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าไม่มากและไม่ป็นปัญหาสำหรับผู้ประกอบการ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ