นายนิวัติ สุธีมีชัยกุล รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า หากสหภาพยุโรป(EU)ปลดล็อคให้นำเข้าไก่แช่แข็งจากไทยได้ ภาคเอกชนของไทยก็ต้องเตรียมความพร้อมต่อกรณีดังกล่าว เพราะถือเป็นโอกาสของไทยที่เพิ่มการส่งออกเข้าไปยังอียู จึงอยากเสนอให้ผู้เกี่ยวข้องกับการส่งออกเจรจาเปลี่ยนโควต้าจากไก่แช่แข็งเป็นผลิตภัณฑ์ไก่(ไก่ต้มสุก)เนื่องจากะหากเกิดปัญหาไข้หวัดนกขึ้นอีกและมีการยกเลิกการสั่งซื้อจะทำให้เกิดปัญหาการผลิตทั้งระบบอีกครั้ง
แม้ว่าร้อยละ 80 ของการเลี้ยงไก่เนื้อของไทยจะเป็นระบบปิดที่มีการป้องกันสูงมากแต่อีก 20% อาจเกิดโอกาสที่จะทำให้มีปัญหาอื่นๆ ตามมาได้ตลอดเวลา ดังนั้น ไทยต้องพร้อมรับสถานการณ์ทั้งในส่วนของภาครัฐ เอกชน ผู้ประกอบการและเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่เนื้อ เพื่อให้ ปี 55 เป็นปีทองของการผลิตไก่เนื้อของไทย
สำหรับในปี 55 คาดว่าจะมีผลผลิตไก่เนื้อและผลิตภัณฑ์มากถึง 1.8 ล้านตัน จากปี 54 ไทยผลิตไก่เนื้อได้ถึง 1.4 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 5.06% จากปี 53 และสำหรับในปี 55 นี้ คาดว่าจะมีผลผลิตมากขึ้นอีก 30%
ทั้งนี้ คู่แข่งในด้านการส่งออกไก่เนื้อและผลิตภัณฑ์ที่สำคัญของไทย คือ สหรัฐอเมริกาที่มีปริมาณผลผลิต 17 ล้านตันต่อปี รองลงมาเป็นประเทศจีน โดยสหรัฐฯได้เปรียบในเรื่องเทคโนโลยีพืชอาหารเลี้ยงสัตว์และการเลี้ยงไก่ โดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ซึ่งเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่สำคัญ
นอกจากนั้นยังมีประเทศในกลุ่มอเมริกาใต้ คือ บราซิล ที่มีแหล่งผลผลิตข้าวโพดรายใหญ่ของโลก และการขนส่งสินค้าไก่และผลิตภัณฑ์จากบราซิลไปยุโรปที่เป็นตลาดสำคัญของโลกยังมีต้นทุนที่ถูกกว่าไทยมาก ซึ่งเหล่านี้ทำให้ไทยเสียเปรียบคู่แข่งในการค้าไก่เนื้อและผลิตภัณฑ์
อย่างไรก็ดี ประเทศไทยยังคงต้องมีการเฝ้าระวังและป้องกันการระบาดของไข้หวัดนกอย่างเข้มงวด เพื่อให้ผลผลิตเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเฉพาะก่อนถึงเดือนเมษายนที่การเฝ้าระวังการระบาดของไข้หวัดนกจะลดระดับความเข้มข้นลง เนื่องจากผู้เกี่ยวข้องคิดว่าเข้าสู่ฤดูร้อน