นายบาร์ค เท โฮ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าคนใหม่ของเกาหลีใต้กล่าวย้ำถึงความจำเป็นในการลงนามในข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับจีน โดยระบุว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะช่วยให้เกาหลีใต้บรรลุเป้าหมายการเป็นศูนย์กลางการค้าเสรีของโลกและดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศได้มากขึ้น
นายบาร์คให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวยอนฮับว่า “หลังจากที่เกาหลีใต้ได้ทำข้อตกลงกับสหรัฐและสหภาพยุโรป จึงน่าจะเป็นจังหวะที่เหมาะสมในการทำข้อตกลงร่วมกับจีนและญี่ปุ่น"
ทั้งนี้ นายบาร์คซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการเดินทางเยือนเมืองดาวอสเพื่อประชุมร่วมกับคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจจากทั่วโลกในการประชุมนอกรอบของการประชุมเศรษฐกิจโลกกล่าวเพิ่มเติมว่า “ปัจจุบันเกาหลีใต้ยังมีผลประโยชน์เพียงเล็กน้อยจากการทำ FTA ร่วมกับญี่ปุ่น แต่จำเป็นต้องทำ FTA ร่วมกับจีน ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อตกลงในระดับที่ต่ำ"
นายบาร์ค ซึ่งเป็นอดีตศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยโซล เนชั่นแนล ยูนิเวอร์ซิตี้ ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีการค้าของเกาหลีใต้แทนนายคิม จอง ฮุน ซึ่งลาออกไปดำรงตำแหน่งหัวหน้าตัวแทนเจรจาการค้าเสรีกับสหรัฐของเกาหลีใต้
เกาหลีใต้ ซึ่งส่วนใหญ่มีข้อตกลง FTA ร่วมกับสหรัฐและจีน กำลังหาทางขยาย FTA ไปยังอีกหลายประเทศเพื่อขยายสิ่งที่ประเทศเรียกว่า “ดินแดนทางเศรษฐกิจ" ออกไปยังทั่วโลก
ก่อนหน้านี้ เกาหลีใต้และจีนได้ตกลงเริ่มต้นจัดรูปแบบการเจรจาสำหรับการทำข้อตกลงเขตการค้าเสรีในอนาคตอันใกล้ โดยทั้งสองประเทศหวังว่าจะเริ่มต้นการเจราอย่างไปเป็นทางการได้ภายในสิ้นเดือนมิถุนายน โดยจีนเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ และคาดว่ามีมูลค่าการค้าแบบทวิภาคีระหว่างทั้งสองประเทศจะแตะที่ระดับ 3 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2558
นายบาร์คระบุว่า เกาหลีใต้จำเป็นต้องทำข้อตกลง FTA ร่วมกับจีน เพื่อดึงดูดเงินลงทุนให้ได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เกาหลีใต้พัฒนาไปสู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจของภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเอเชีย
นับตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา จีนและเกาหลีใต้ได้ร่วมกันศึกษาความเป็นไปได้ในการเจรจาการค้าเสรีและการทำข้อตกลงเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองในประเด็นที่อ่อนไหว
นายบาร์คกล่าวว่า ทั้งสองประเทศอาจจะทำข้อตกลงเป็น 3 หมวด ขึ้นอยู่กับความอ่อนไหวในการกำหนดระดับความเสรีของตลาดและสินค้า สำนักข่าวยอนฮับรายงาน