ที่ประชุม EU ไฟเขียวจัดตั้งกองทุนถาวร ESM, 25 ชาติลงนามสนธิสัญญาการคลัง

ข่าวต่างประเทศ Tuesday January 31, 2012 10:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

การประชุมผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งเริ่มมีขึ้นตั้งแต่เวลา 21.00 น.ตามเวลาไทยเมื่อวานนี้ ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว โดยที่ประชุมลงมติให้มีการใช้สนธิสัญญาการคลังฉบับใหม่ เพื่อคุมเข้มวินัยด้านการคลัง พร้อมกับให้คำมั่นสัญญาว่าจะกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการจ้างงานในกลุ่มเยาวชนในยูโรโซน โดยมีเป้าหมายที่จะรับมือกับวิกฤตหนี้สาธารณะ

ข้อสรุปที่มีขึ้นภายหลังการประชุมในครั้งนี้ระบุว่า ผู้นำอียูได้บรรลุข้อตกลงในเรื่องการผลักดันให้เกิดความสมดุลระหว่างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและรัดเข็มขัด เนื่องจากที่ประชุมตระหนักว่า การใช้มาตรการรัดเข็มขัดเพียงอย่างเดียวยังไม่สามารถแก้ไขวิกฤตหนี้สาธารณะที่กำลังลุกลามอยู่ในขณะนี้ และอาจจะส่งกระทบต่อการขยายตัวในระยะยาวของประเทศที่ประสบปัญหาหนี้

นายเฮอร์มาน ฟาน รอมปุย ประธานสภายุโรปกล่าวภายหลังการประชุมผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อช่วงกลางดึกวานนี้ตามเวลาไทยว่า ประเทศสมาชิกอียูที่จะเข้าร่วมและลงนามในสนธิสัญญาด้านการคลังซึ่งมีเป้าหมายที่จะคุมเข้มวินัยด้านการคลังและหนี้สินนั้น มีอยู่ทั้งสิ้น 25 ประเทศด้วยกัน ขณะที่อังกฤษและสาธารณรัฐเชค ปฏิเสธที่จะลงนามในสนธิสัญญาดังกล่าว

นายฟาน รอมปุย และนายโฮเซ มานุเอล บาร์โรโซ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) กล่าวว่า 17 ประเทศยูโรโซนจะลงนามในสนธิสัญญาการคลังในเดือนมี.ค.นี้ และสนธิสัญญาดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ จากการให้สัตยาบันของ 12-17 ประเทศสมาชิกยูโรโซน

ในการประชุมครั้งนี้ ผู้นำอียูมุ่งเน้นในเรื่องการผลักดันเศรษฐกิจและการจ้างงานให้เติบโต พร้อมกับเรียกร้องให้ประเทศยูโรโซนใช้มาตรการที่จะเอื้ออำนวยต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและการจ้างงาน เพราะการใช้มาตรการรัดเข็มขัดเพียงอย่างเดียวอาจจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตในระยะยาวของประเทศที่ประสบปัญหาหนี้ และอาจจะผลักดันให้ประเทศเหล่านี้ตกอยู่ในวงจรของเศรษฐกิจขาลง

นอกจากนี้ ที่ประชุมผู้นำอียูยังมีมติรับรองข้อตกลงที่จัดทำขึ้นระหว่าง 17 ชาติสมาชิกยูโรโซน เกี่ยวกับสนธิสัญญาการจัดตั้งกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) ซึ่งเป็นกองทุนถาวรวงเงิน 5 แสนล้านยูโรที่จะเริ่มดำเนินการในเดือนก.ค.

"เราจะขอให้รัฐมนตรีคลังกลุ่มยูโรโซนลงนามในสนธิสัญญาดังกล่าวในที่ประชุมยูโรกรุ๊ปครั้งหน้า เพื่อที่ ESM จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนก.ค.ปีนี้เป็นต้นไป" นายเฮอร์มาน ฟาน รอมปุย ประธานสภายุโรปกล่าวภายหลังการประชุมอียูเสร็จสิ้นลงเมื่อช่วงกลางดึกวานนี้ตามเวลาไทย

ทั้งนี้ ESM จะเริ่มดำเนินการเร็วกว่าที่เคยตั้งเป้าไว้ในช่วงแรกราวหนึ่งปี และจะทำหน้าที่แทนกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ซึ่งเป็นกองทุนชั่วคราวที่เคยให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ไอร์แลนด์และโปรตุเกส

"การผลักดันให้ ESM มีผลบังคับใช้เร็วขึ้น จะช่วยป้องกันการลุกลามของปัญหาหนี้สาธารณะในยูโรโซน และจะช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นของตลาดการเงินด้วย" นายฟาน รอมปุยกล่าว สำนักข่าวซินหัวรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ