นายกรัฐมนตรีลูคัส ปาปาเดมอสของกรีซเผยว่า การเจรจากับเจ้าหนี้ภาคเอกชนของกรีซจะได้บทสรุปภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งช่วยฟื้นความหวังสำหรับข้อตกลงปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซ
สำนักข่าวซินหัวรายงานบทสัมภาษณ์ของปาปาเดมอสว่า กรอบเวลากระชั้นเกินไป แต่เขาก็มุ่งมั่นว่าจะบรรลุข้อตกลงในครั้งนี้ให้ได้
“การปฏิรูปมีรออยู่แล้ว แต่มาตรการที่จำเป็นเพื่อให้สามารถนำแผนการปฏิรูปต่างๆเหล่านั้นไปปฏิบัติต่อไปได้นั้นยังต้องคุยกันต่อ เราคาดว่าจะบรรลุข้อตกลงปรับโครงสร้างหนี้ให้ได้ภายในปลายสัปดาห์นี้" นายปาปาเดมอสกล่าวในระหว่างสุดยอดการประชุมสหภาพยุโรป (อียู) ก่อนการประชุมร่วมกับธนาคารกลางยุโรปและอียูในประเด็นปรับโครงสร้างหนี้
ขณะที่นักวิเคราะห์ระบุว่า ข่าวคราวดังกล่าวช่วยบรรเทาความหวาดวิตกของนักลงทุนลงได้ แม้จะยอมรับว่า หนทางสู่บทสุดท้ายของวิกฤตในครั้งนี้ยังอีกยาวไกล และข้อตกลงหนี้ฉบับใหม่ก็ยังคงเป็นเรื่องยากสำหรับกรีซ
การเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กรีซนับเป็นประเด็นสำคัญที่เป็นที่จับตาของนักลงทุนและนักวิเคราะห์ทั่วโลก หลังจากที่ประสบภาวะชะงักงัน เนื่องจากรัฐมนตรีคลังกลุ่มประเทศยูโรโซนปฏิเสธข้อเสนอของฝ่ายเจ้าหนี้ภาคเอกชนที่ต้องการอัตราผลตอบแทน 4% สำหรับพันธบัตรระยะยาวที่มีการออกใหม่ เพื่อแลกเปลี่ยนกับพันธบัตรชุดปัจจุบันของกรีซ ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการปรับโครงสร้างหนี้
ขณะที่สถาบันการเงินระหว่างประเทศ (IIF) ซึ่งเป็นตัวแทนกลุ่มธนาคารและสถาบันการเงินเอกชน เปิดเผยว่า อัตราผลตอบแทนที่ 4.0% ถือเป็นระดับต่ำสุดที่พวกเขาสามารถยอมรับได้ ถ้าหากจะมีการปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ทางบัญชีของพันธบัตรที่พวกเขาถือครองอยู่ลง 50%
การปรับโครงสร้างพันธบัตรกรีซมีวัตถุประสงค์เพื่อลดภาระหนี้ของกรีซ ลงราว 1 แสนล้านยูโร ซึ่งจะเป็นการลดหนี้ลงจาก 160% ของจีดีพี สู่ระดับ 120% ภายในปี 2563 โดยอียูและไอเอ็มเอฟมองว่าเป็นระดับที่กรีซจะสามารถจัดการได้
ทั้งนี้ กรีซจำเป็นต้องเจรจาให้เสร็จสิ้น มิฉะนั้นจะไม่ได้รับเงินจากมาตรการช่วยเหลือกรีซรอบสองซึ่งมีวงเงิน 1.30 แสนล้านยูโร ก่อนที่กรีซจะถึงกำหนดต้องชำระหนี้ 1.45 หมื่นล้านยูโร (1.85 หมื่นล้านดอลลาร์) ในการไถ่ถอนพันธบัตรในวันที่ 20 มี.ค.
หากกรีซไม่สามารถบรรลุข้อตกลงภายในกำหนดดังกล่าว อาจส่งผลให้กรีซต้องผิดนัดชำระหนี้