อียูขานรับมาตรการรัดเข็มขัดกรีซ แต่แนะพยายามมากขึ้นเพื่อเลี่ยงผิดนัดชำระหนี้

นายออลลี เรห์น กรรมาธิการฝ่ายกิจการเศรษฐกิจและการเงินของสหภาพยุโรป (อียู) ได้ออกมาขานรับรัฐสภากรีซที่มีมติอนุมัติมาตรการรัดเข็มขัด แต่ก็เตือนว่า กรีซจำเป็นจะต้องใช้ความพยายามมากขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงทั้งต่อกรีซและประเทศอื่นๆในยุโรป

นายเรห์นกล่าวว่า การที่รัฐสภากรีซมีมติอนุมัติมาตรการรัดเข็มขัดฉบับใหม่ ซึ่งรวมถึงการลดค่าแรงขั้นต่ำลง 22% และลดตำแหน่งงานในภาคสาธารณะ 150,000 ตำแหน่งนั้น "ถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการรับความช่วยเหลือรอบที่ 2" อย่างไรก็ตาม เขากล่าวว่า การที่กรีซจะสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ได้นั้น จำเป็นจะต้องใช้เวลาและความพยายามมากขึ้น โดยรัฐบาลกรีซจำเป็นจะต้องประหยัดงบประมาณอีก 325 ล้านยูโร (ประมาณ 430 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และผู้นำทางการเมืองของกรีซจะต้องให้คำมั่นสัญญาอย่างชัดเจนว่าจะดำเนินการปฏิรูปตามแผนที่ได้กำหนดเอาไว้

ทั้งนี้ เขาคาดว่า กรีซจะสามารถดำเนินการตามข้อเรียกร้องดังกล่าวทั้ง 2 ข้อได้ภายในวันพุธนี้ ซึ่งเป็่นวันที่รมว.คลังยูโรโซนมีกำหนดจะประชุมร่วมกัน และอาจจะมีการอนุมัติมาตรการให้ความช่วยเหลือรอบสอง

อย่างไรก็ตาม นายเรห์นกล่าวว่า พรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 3 พรรคของกรีซซึ่งกำลังเตรียมตัวรับศึกเลือกตั้งทั่วไปที่อาจจะมีขึ้นในเดือนเม.ย.นั้น ยังคงลังเลที่จะให้คำมั่นสัญญาว่าจะบังคับใช้มาตรการรัดเข็มขัดตามที่ได้มีการตกลงกันไว้ อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ประท้วงต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดที่ทวีความรุนแรงในใจกลางกรุงเอเธนส์

นายจอร์จ คามินิส นายกเทศมนตรีเอเธนส์กล่าวว่า อาคาร 17 แห่งในกรุงเอเธนส์ ซึ่งรวมถึงสาขาของธนาคาร 5 แห่งนั้น ได้ถูกกลุ่มหัวรุนแรงลอบวางเพลิง หลังจากการประท้วงที่รุนแรงก่อตัวขึ้นที่บริเวณด้านนอกอาคารรัฐสภา

มาตรการให้ความช่วยเหลือรอบที่ 2 มูลค่า 1.30 แสนล้านยูโร ซึ่งเสนอโดยกลุ่มทรอยก้า ซึ่งประกอบไปด้วยไอเอ็มเอฟ อียู และธนาคารกลางยุโรปนั้น มีความสำคัญต่อการช่วยให้กรีซรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ เนื่องจากรัฐบาลกรีซมีกำหนดที่จะต้องใช้เงินในการไถ่ถอนพันธบัตรมูลค่า 1.4 หมื่นล้านยูโร ในวันที่ 20 มี.ค.นี้ สำนักข่าวซินหัวรายงาน