(เพิ่มเติม) ธ.ออมสิน-ibank เผยจ่ายเงินนำส่งมีผลต้นทุนเพิ่ม-กระทบกำไร

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday February 14, 2012 10:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารออมสิน ระบุว่าการเรียกเก็บเงินนำส่งที่ 0.47% ของฐานเงินฝากเพื่อให้เท่าเทียมกับธนาคารพาณิชย์เอกชนส่งผลให้ธนาคารมีต้นทุนเพิ่มขึ้นราว 8.4 พันล้านบาท แต่อย่างไรก็ตาม ธนาคารยืนยันว่าจะไม่มีการลดดอกเบี้ยเงินฝาก หรือขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ เพื่อผลักภาระให้ลูกค้า

ขณะที่ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย(ibank) ระบุว่า การจัดเก็บในอัตราดังกล่าวกระทบต่อกำไรของธนาคารในปี 55 ราว 400-500 ล้านบาท ขณะที่ธนาคารต้องมีการปรับแผนธุรกิจ และชะลอการลดดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากด้วย

นายเลอศักดิ์ จุลเทศ ผู้อำนวยการ ธนาคารออมสิน กล่าวว่า ธนาคารพร้อมดำเนินตามนโยบายของกระทรวงคลังในการส่งเงิน 0.47% ของเงินฝากเข้าสมทบในกองทุนพัฒนาประเทศ ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องดีที่รัฐบาลจะมีเงินนำไปใช้ แม้ว่าการนำส่งเงินดังกล่าวจะกระทบต่อกำไรสุทธิของธนาคารบ้าง แต่เนื่องจากธนาคารไม่มีนโยบายมุ่งแสวงหากำไร โดยขณะนี้ฐานเงินฝากอยุ่ที่ 1.5 ล้านล้านบาท จากบัญชีเงินฝาก 20 ล้านบัญชีส่งผลให้ต้นทุนของธนาคารเพิ่มขึ้น 8.4 พันล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าจะไม่ส่งผลให้ลูกค้าโยกย้ายบัญชีเงินฝาก โดย 80% ของเงินฝากของธนาคารเป็นบัญชีเงินฝากประจำ

ขณะเดียวกัน ธนาคารจะไม่มีการลดดอกเบี้ยเงินฝาก หรือขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ เพื่อผลักภาระให้ลูกค้า เนื่องจากธนาคารยังคงนโยบายในการเป็นธนาคารเพื่อรากหญ้า ซึ่งในปี 55 ธนาคารวางเป้าหมายเงินฝากขยายตัว 7% จากปี 54

"การส่งเงินดังกล่าวอาจจะกระทบกำไรสุทธิของธนาคารบ้าง ซึ่งก็จะเปลี่ยนจากวิธีการจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น คือ กระทรวงการคลัง ซึ่งจะทำให้รายได้ของรัฐบาล หายไปจากกำไรของธนาคารที่ลดลงที่อาจจะมีผลต่อเงินนำส่ง แต่อีกด้านก็เป็นการนำเงินไปใช้ในการพัฒนาประเทศ" นายเลอศักดิ์ กล่าว

ด้านนายธีระศักดิ์ สุวรรณยศ กรรมการผู้จัดการ ibank กล่าวว่า ปัจจุบันธนาคารมีฐานเงินฝากที่ 1.17 แสนล้านบาท ซึ่งการส่งค่าธรรมเนียมดังกล่าวจะทำให้กำไรลดลง 400-500 ลบ หรือเกือบ 50% ของกำไรสุทธิ ซึ่งในปี 54 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 1.1 พันล้านบาท

นอกจากนี้ ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวทำให้ธนาคารต้องมีการทบทวนแผนการดำเนินธุรกิจในปี 55 ใหม่ ซึ่งอาจจะต้องมีการปรับเพิ่มการหารายได้ค่าธรรมเนียมมากขึ้นเพื่อมาชดเชยต้นทุนที่เพิ่มสุงขึ้น ขณะเดียวกันการนำส่งทำให้ธนาคารต้องชะลอแผนการลดดอกเบี้ยตามดอกเบี้ยนโยบาย เดิมคาดว่าจะลดในเร็วๆ นี้ออกไป เพื่อรอให้มีการจัดทำแผนธุรกิจให้แล้วเสร็จก่อนจึงจะมีการพิจาราแนวทางลดดอกเบี้ยอีกครั้ง

อีกทั้ง การส่งเงิน 0.47% ทำให้สเปรดของธนาคารลดลง 2.8-3.2% เหลือ 2.2-2.7% ซึ่งจะทำให้ธนาคารต้องมีการเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมและลดค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มขึ้นเพื่อไม่ให้กระทบกับลูกค้าและไม่มีการผลักภาระที่เพิ่มขึ้นให้กับลูกค้า

"อยากให้แบงก์พาณิชย์ มองแบงก์รัฐไม่ใช่คู่แข่ง เพราะในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ แบงก์รัฐก็เข้ามาช่วยเหลือลูกค้า ประชาชน ในการปล่อยสินเชื่อที่มากขึ้นเป็นเครื่องมือในการระดมเงินนฝาก" นายธีระศักดิ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม มองว่าจากแนวทางการเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าวอาจทำให้ธนาคารัฐ มีการระดมเงินเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง เช่น การออกพันธบัตร หรือกรณีธนาคารออมสิน อาจมีการออกสลากออมสินมากขึ้นเนื่องจากไม่มีต้นทุนที่ต้องนำส่ง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ