ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์(SCB EIC) ระบุว่า จากเหตุระเบิดกลางกรุงเมื่อวันที่ 14 ก.พ. คาดว่าเหตุการณ์ระเบิดครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวไทยค่อนข้างมากและนาน เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของต่างชาติ ทั้งนี้กรุงเทพฯ มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในแต่ละปีคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งประเทศ อีกทั้งเหตุการณ์ระเบิดยังเกิดขึ้นในกรุงเทพฯ ชั้นใน และเป็นแนวเส้นทางรถไฟฟ้าซึ่งถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยตรง และยังเกิดขึ้นในช่วงที่ยังอยู่ในฤดูกาลท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจากฝั่งตะวันตก อีกทั้งยังใกล้ช่วงเทศกาลสงกรานต์ จึงมีแนวโน้มกระทบจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติค่อนข้างมาก
อีกทั้งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากมีการเตือนเรื่องการกลายเป็นพื้นที่เสี่ยงก่อการร้ายของไทย โดยก่อนหน้านี้ นานาประเทศกว่า 20 ประเทศ ประกาศเตือนนักท่องเที่ยวให้ระวังการเดินทางมาไทย ซึ่งรวมถึงนักท่องเที่ยวจากจีนที่คิดเป็นสัดส่วนราว 8% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติในไทยทั้งหมด และมีการเติบโตสูงเฉลี่ยถึงปีละ 11% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
การเกิดเหตุการณ์ระเบิดครั้งนี้เสมือนเป็นการตอกย้ำข้อมูลและเพิ่มความสำคัญให้กับคำประกาศเตือนมากขึ้นไปอีก ซึ่งโดยปกติแล้วจะใช้ระยะเวลานานในการถอนคำประกาศ ดังเช่นการประกาศเตือนครั้งล่าสุดมีเพียงจีนที่ถอนประกาศเตือนในช่วงก่อนตรุษจีนที่ผ่านมา จึงคาดว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวไทยค่อนข้างนาน
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ มองว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติจะทวีความอ่อนไหวต่อประกาศเตือนการเดินทางของแต่ละประเทศมากขึ้น และคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยรวมทั้งปีจะลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 5% เหลือประมาณ 1-3% ขึ้นอยู่กับความยาวนานของผลกระทบ
โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติในไทยทั้งปีประมาณ 19.0 -19.4 ล้านคน และในระยะต่อไปนักท่องเที่ยวต่างชาติจะมีความอ่อนไหวต่อประกาศเตือนการเดินทางของทางการมากขึ้น อาจส่งผลให้การท่องเที่ยวของไทยมีความผันผวนตามปัจจัยต่างๆ มากขึ้นได้นอกจากนี้ แต่ละประเทศยังจับตาดูสถานการณ์น้ำท่วมว่าจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ในปีนี้ และภาครัฐจะสามารถจัดการปัญหาได้ดีเพียงใด ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมซ้ำอีก ก็จะส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปรับตัวลดลงได้อีก