นายฟอซี อิชซัน นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด กล่าวในวันนี้ว่า มีความเป็นไปได้ที่อินโดนีเซียจะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจลดลงมาสู่ระดับ 5.8% ในปีนี้ หากวิกฤตหนี้ยูโรโซนยังย่ำแย่ลง
ตัวเลขประมาณการดังกล่าวต่ำกว่าที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้ที่ 6.5% ซึ่งปรับลดลงจากการคาดการณ์เบื้องต้นที่ 6.7%
"การบรรลุเป้าหมายการเติบโตที่ระดับ 6.7% ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่ยังมีอยู่ต่อเนื่องนั้น ถือเป็นภารกิจที่หนักหนามาก หากวิกฤตหนี้ยูโรโซนย่ำแย่ลง การเติบโตของอินโดนีเซียอาจจะไม่สูงเกิน 5.8% ขณะที่การเติบโตทั่วโลกอยู่ที่ระดับ 2% เท่านั้น" นายฟอซีกล่าวนายฟอซีระบุว่า การประเมินของเขาอยู่บนสมมติฐานที่สถานการณ์เลวร้ายที่สุด หากหนี้เสียในยุโรปยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และบรรดาเจ้าหนี้ไม่สามารถหาทางออกให้กับปัญหาวิกฤตหนี้ที่ดำเนินมาตั้งแต่ปีที่แล้วได้
ผลกระทบของวิกฤตหนี้ยูโรโซนกดดันให้รัฐบาลอินโดนีเซียต้องปรับลดเป้าเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้มาสู่ระดับ 6.5% หรือเท่ากับอัตราการเติบโตในปีที่แล้ว
ทั้งนี้ วิกฤตหนี้ยูโรโซนส่งผลให้ยอดส่งออกของอินโดนีเซียซบเซาลงต่อเนื่อง โดยยอดส่งออกในช่วงไตรมาส 4 ปีที่แล้ว ลดลงอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านั้น และช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
นอกจากการปรับลดเป้าการเติบโตแล้ว รัฐบาลอินโดนีเซียยังจะแก้ไขตัวเลขงบประมาณในปีนี้ ซึ่งจะทำให้ต้องปรับเปลี่ยนการประเมินตัวเลขต่างๆ ในงบประมาณตามไปด้วย
นายฟอซีกล่าวว่า ขณะนี้บรรดานักลงทุนกำลังจับตาดูความเคลื่อนไหวของวิกฤตหนี้ยุโรปอย่างใกล้ชิด ควบคู่ไปการพิจารณาแผนการลงทุนอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ
นอกจากนี้ยังกล่าวเสริมว่า นักลงทุนยังคงให้ความสนใจลงทุนในอินโดนีเซีย โดยช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ มีการเสนอแผนลงทุนต่างๆ ที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า สำนักข่าวซินหัวรายงาน