สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 ก.พ.) เพราะได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของสัญญาน้ำมันดิบ WTI อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐได้หนุนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ซึ่งส่งผลให้ความน่าดึงดูดใจของสัญญาทองคำลดน้อยลงไปด้วย
สัญญาทองคำที่ตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ขยับขึ้น 30 เซนต์ หรือ 0.02% ปิดที่ 1,728.4 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1728.4 - 1715.5 ดอลลาร์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 3.8 เซนต์ ปิดที่ 33.37 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 1.05 เซนต์ ปิดที่ 3.791 ดอลลาร์/ปอนด์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลง 12.1 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,626.1 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 12.95 ดอลลาร์ ปิดที่ 696.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรปยังคงกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้ การดีดตัวขึ้นของสัญญาน้ำมันดิบ WTI ยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนสัญญาทองคำปรับตัวขึ้นด้วย
สัญญาทองคำได้รับแรงหนุนมากขึ้นจากข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของอุปสงค์ทองคำทั่วโลก โดยสภาทองคำโลก (WGC) รายงานเมื่อช่วงเย็นวานนี้ตามเวลาไทยว่า ความต้องการทองคำทั่วโลกในปี 2554 เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4,067.1 ตัน คิดเป็นมูลค่าโดยรวม 2.055 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2540 และนับเป็นครั้งแรกที่ความต้องการทองคำทั่วโลกมีมูลค่าสูงกว่าระดับ 2 แสนล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย หลังจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐที่ร่วงลง 13,000 ราย แตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปีที่ 348,000 ราย ซึ่งการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐทำให้ความน่าดึงดูดใจของสัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงน้ำมันดิบ ลดน้อยลงไปด้วย
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม สกุลเงินดอลลาร์อ่อนแรงลงในช่วงท้ายเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร หลังจากมีรายงานว่าธนาคารกลางหลายแห่งในประเทศยูโรโซนจะช่วยแบกภาระหนี้สินของกรีซผ่านการทำธุรกรรมสว็อปหนี้