ธนาคารกลางเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ปริมาณเงินกู้ยืมจากต่างประเทศในระยะสั้นของเกาหลีใต้ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปี เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ของเกาหลีใต้ได้จ่ายชำระเงินกู้ระยะสั้นด้วยเงินกู้ยืมระยะยาวจากต่างประเทศ
รายงานของธนาคารระบุว่า ยอดเงินกู้ต่างประเทศที่ครบกำหนดชำระภายใน 1 ปี ของเกาหลีใต้ แตะที่ 1.361 แสนล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนธันวาคม ลดลง 3.6 พันล้านดอลลาร์จากปีก่อนหน้า ในขณะที่ตัวเลขดังกล่าวนับเป็นสถิติที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ยอด 1.302 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2550
ทั้งนี้ ปริมาณเงินกู้ที่ลดลงเนื่องจากสถาบันเงินฝากต่างๆ ได้จ่ายชำระคืนเงินกู้ในระยะสั้น แต่อย่างไรก็ตาม ปริมาณเงินกู้ยืมในระยะยาวได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากธนาคารพาณิชย์ของเกาหลีใต้ได้เพิ่มทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับการเงินของธนาคาร
ในขณะเดียวกัน ยอดเงินกู้ยืมจากต่างประเทศในระยะยาวที่ครบกำหนดชำระตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.26 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อเทียบปีต่อปี แตะที่ระดับ 2.622 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2554 ส่งผลให้ยอดหนี้สินต่างประเทศของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นเป็น 3.984 แสนล้านดอลลาร์ในปีดังกล่าว และเพิ่มขึ้น 3.9 หมื่นล้านดอลลาร์จากปีก่อนหน้า
ด้านแถลงการณ์ของกระทรวงกลยุทธ์และการคลังระบุว่า "ยอดหนี้สินต่างประเทศทั้งหมดปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.9 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2554 แต่ส่วนใหญ่เกิดจากความต้องการเพิ่มทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเกาหลีใต้และปริมาณการค้ากับต่างประเทศ"
ทั้งนี้ สัดส่วนระหว่างขนาดเศรษฐกิจและทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ หรือเงินกู้ยืมในระยะสั้นของเกาหลีใต้ลดลงเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ อัตราส่วนหนี้สินต่างประเทศในระยะสั้นต่อทุนสำรองเงินตราต่างประเทศอยู่ที่ 44.4% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554 ลดลง 3.5% จากปีก่อนหน้า ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินต่างประเทศต่อตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) อยู่ที่ 35.9% ในปี 2554 ต่ำกว่าระดับ 41.4% ในปี 2552 ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดการเงินได้รับผลกระทบจากวิกฤติการเงินโลก
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า อัตราส่วนหนี้สินต่างประเทศในระยะสั้นต่อจำนวนหนี้สินต่างประเทศทั้งหมดของเกาหลีใต้ลดลงสู่ระดับ 34.2% ณ สิ้นปี 2554 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าระดับ 40.2% ณ สิ้นเดือนมีนาคม และ 38.5% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน และ 35.4% ณ สิ้นเดือนกันยายนตามลำดับ