นายสเตฟเฟน ไซเบิร์ท โฆษกรัฐบาลเยอรมนีกล่าวว่า รัฐบาลเยอรมนียังคงยืนยันว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มทุนทรัพย์ให้กับกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (ESM) ซึ่งเป็นกองทุนกู้วิกฤตหนี้ยุโรป และจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนก.ค.นี้
"รัฐบาลเยอรมนียังคงไม่เปลี่ยนจุดยืนในเรื่องนี้ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มขนาดกองทุน ESM ซึ่งเป็นกองทุนให้ความช่วยเหลือประเทศยูโรโซนที่จะมาทำหน้าที่แทนกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ซึ่งเป็นกองทุนชั่วคราว โดยเฉพาะหลังจากที่ความวิตกกังวลในตลาดพันธบัตรของอิตาลีและสเปนเริ่มบรรเทาเบาบางลงเมื่อเร็วๆนี้" นายไซเบิร์ทกล่าวกับผู้สื่อข่าว
นอกจากนี้ นายไซเบิร์ทกล่าวว่า เนื่องจากแรงตึงเครียดในตลาดพันธบัตรของประเทศใหญ่ๆในยูโรโซนเริ่มผ่อนคลายลงแล้ว รัฐบาลเยอรมนีจะให้ความสำคัญกับการตัดสินใจที่ว่า "จะจ่ายเงินสมทบกี่งวดและจ่ายด้วยวิธีใดให้กับกองทุน ESM"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การแสดงความคิดเห็นของโฆษกรัฐบาลเยอรมนีมีขึ้นก่อนการประชุมผู้นำยูโรโซน ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่การทบทวนเรื่องศักยภาพในการปล่อยเงินกู้ของกองทุน ESM และการปูทางสู่การทำหน้าที่แทนกองทุน EFSF อย่างเต็มรูปแบบ
ก่อนหน้านี้ หลายประเทศในยูโรโซน และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้เรียกร้องให้ผู้นำยูโรโซนเพิ่มขนาดทุนทรัพย์ของ ESF ในระหว่างการประชุมที่ผ่านมา ซึ่งในเวลานั้นเยอรมนีแทบจะไม่ให้ความสนใจ