นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กรมการข้าวจะจัดงานสัมมนาถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีเพื่อการส่งออก ปี 2555 เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีของศูนย์ข้าวชุมชน
ทั้งนี้ กระทรวงฯ มีนโยบายให้ใช้ “ศูนย์ข้าวชุมชน" เป็นศูนย์กลางของชาวนาในชุมชนทั้งการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี และเป็นศูนย์รวมในการบูรณาการงานด้านข้าวของทุกภาคส่วนราชการในพื้นที่ รวมทั้งเป็นจุดสาธิตเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตข้าว การลดต้นทุนการผลิตข้าว การแปรรูปผลิตภัณฑ์ข้าว การจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี และการตลาดของผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากข้าว โดยมีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่และต่อเนื่อง อีกทั้งยังใช้จุดสาธิตดังกล่าวเป็นสถานที่เรียนรู้ศึกษา ดูงานด้านข้าวของชุมชน อันจะก่อให้เกิดแรงบันดาลใจและความภาคภูมิใจของเยาวชนและลูกหลานชาวนาที่มีต่ออาชีพการทำนา ส่งผลให้ในชุมชนมีชาวนารุ่นใหม่ที่ต้องการสืบทอดอาชีพการทำนาต่อไป
เนื่องจากในแต่ละปีชาวนามีความต้องการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวประมาณ 600,000 ตัน แต่ภาครัฐ สหกรณ์ และเอกชนสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีได้ประมาณ 300,000 ตัน จึงมีความต้องการเมล็ดพันธุ์อีกประมาณ 300,000 ตัน
ด้านนายชัยฤทธิ์ ดำรงเกียรติ อธิบดีกรมการข้าว กล่าวถึงยุทธศาสตร์ข้าว ปี 2555 - 2559 ว่า เน้นงานทางด้านการผลิตเมล็ดข้าวคุณภาพดี โดยเร่งส่งเสริมให้มีการจัดตั้งศูนย์ข้าวชุมชนขึ้น ในพื้นที่ผลิตข้าวที่สาคัญๆ ของประเทศ เพื่อทำหน้าที่เป็นแหล่งผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีให้แก่ชาวนาในชุมชน รวมทั้งยังเป็นศูนย์กลางในการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่ชาวนา
ปัจจุบันได้มีศูนย์ข้าวชุมชนที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องตามกระบวนการของศูนย์ข้าวชุมชน จำนวน 2,015 ศูนย์ และมีแผนในการจัดตั้งเพิ่มเติมอีก 128 ศูนย์ ในปี 2555 โดยมีเป้าหมายให้ครบ 6,800 ศูนย์ ในปี 2560 ซึ่งจะเป็นศูนย์หลักที่มีความสมบูรณ์ในทุกๆ ด้าน จานวน 700 ศูนย์ ที่เหลือจะเป็นศูนย์เครือข่าย
อนึ่ง ศูนย์ข้าวชุมชนจะมีศักยภาพและเป็นฐานรากที่มั่นคงในระบบการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีให้แก่ชุมชน ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี และจะส่งผลให้การผลิตข้าวในภาพรวมของประเทศมีประสิทธิภาพสูงขึ้น สามารถลดต้นทุนการผลิต โดยมีผลผลิตสูง มีคุณภาพดี มีปริมาณเพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศ และสามารถส่งออกไปแข่งขันในตลาดโลกได้ โดยไม่เสียเปรียบต่อประเทศคู่แข่ง อีกทั้งยังช่วยลดผลกระทบจากการเปิดการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ในอนาคตได้ด้วย