นายบุญชัย จรัสแสงสมบูรณ์ รองโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือน ม.ค.55 ว่า เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณการฟื้นตัวจากวิกฤตอุทกภัยต่อเนื่อง สะท้อนจากดัชนีชี้วัดการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่ขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้าในขณะที่ข้อมูลเบื้องต้นของการส่งออกบ่งชี้ทิศทางการขยายตัวเป็นบวกเช่นกัน
“เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยในเดือนมกราคม 2555 บ่งชี้ถึงทิศทางการฟื้นตัวจากวิกฤตอุทกภัยต่อเนื่อง ในระยะต่อไปจะต้องมีการติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะทิศทางเศรษฐกิจกลุ่มประเทศยูโรโซนในประเด็นความคืบหน้าในการแก้ไขวิกฤตหนี้สาธารณะของสหภาพยุโรป นอกจากนี้ยังมีประเด็นสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนในภูมิภาคตะวันออกกลางซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไปได้" สศค.ระบุ
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะได้รับปัจจัยบวกจากการดำเนินนโยบายของรัฐบาลในการสนับสนุนการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ ซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน ทั้งนี้ สศค.จะทบทวนและปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยอีกครั้งในช่วงปลายเดือน มี.ค.55
สศค.เปิดเผยว่า ในเดือน ม.ค.55 การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนสามารถกลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง สะท้อนจากยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ที่ขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 6.0 ขณะที่ปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งหดตัวชะลอลงที่ร้อยละ -9.8 ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวร้อยละ -28.1ขณะที่การลงทุนก็มีสัญญาณที่ดีขึ้นสะท้อนจากปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ขยายตัวร้อยละ 29.1 ขยายตัวเร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวร้อยละ -46.9
นอกจากนี้ ข้อมูลเบื้องต้นของการส่งออกบ่งชี้ว่ามูลค่าการส่งออกสามารถกลับมาขยายตัวเป็นบวกที่ร้อยละ 1.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวที่ร้อยละ -2.0 สะท้อนถึงความสามารถในการผลิตเพื่อการส่งออกเริ่มปรับตัวดีขึ้น
สำหรับเครื่องชี้ด้านการผลิตพบว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมฟื้นตัวดีขึ้นเทียบกับช่วง 2 เดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นช่วงที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากวิกฤตอุทกภัยโดยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมใน เดือนมกราคม 2555 หดตัวร้อยละ -15.1เทียบกับที่หดตัวลงร้อยละ -25.2 ในเดือนก่อนหน้า อุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีขึ้นเป็นดัชนีในหมวดน้ำมันปิโตรเลียม แร่อโลหะ และอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ที่เป็นปัจจัยสนับสนุนให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเริ่มสามารถฟื้นตัวได้เป็นสำคัญ
ขณะที่การผลิตภาคการเกษตรยังคงขยายตัวต่อเนื่องแม้ว่าจะขยายตัวในอัตราชะลอลงและภาคบริการที่สะท้อนจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปรับตัวดีขึ้นในเดือน ม.ค.55 เช่นกัน
นายบุญชัย กล่าวอีกว่า สศค.ยังคงประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 55 ไว้ที่ 4-5% แต่โอกาสขยายตัวได้มากกว่า 5% หลังจากสภาพัฒน์ประกาศตัวเลขเศรษฐกิจไทยปี 54 อยู่ที่ 0.1% ซึ่งต่ำกว่าที่ สศค.ประมาณการไว้ที่ 1.1% เมื่อเดือน ธ.ค.54 นอกจากนี้ ยังไม่ได้มีการประเมินรวมการกู้เงินเพื่อลงทุนในการบริหารจัดการน้ำ ตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะต่อไปได้ แต่ขณะนี้ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังอยู่ภายใต้สมมติฐาน ที่คาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบในปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 116 ดอลลาร์/บาร์เรล หรืออยู่ในช่วง 111-121 ดอลลาร์/บาร์เรล จึงยังเป็นปัญหาชั่วคราวที่ยังไม่ส่งผลกระทบ อีกทั้งมีการประเมินว่า ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันในปีนี้อาจจะน้อยกว่าปีก่อนด้วย
"ตอนนี้ราคาน้ำมันยังเป็นปัญหาระยะสั้น เพราะปัญหาอิหร่านทำให้ราคาน้ำมันดิบเร่งตัวขึ้น แต่ต้องรอดูต่อไปว่าราคาน้ำมันจะขึ้นไปแค่ไหน หากนานจริง คงต้องกลับมาทบทวนประมาณการ"นายบุญชัย กล่าว
สำหรับปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยปีนี้ ยังคงเป็นปัญหาจากภัยธรรมชาติ ปัญหาหนี้สาธารณะยุโรปที่จะเป็นปัญหาต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย โดยประเมินเศรษฐกิจ 14 ประเทศคู่ค้าจะขยายตัว 3% และเศรษฐกิจยุโรปหดตัว 0.9% ซึ่งจะส่งผลกระทบเศรษฐกิจไทยไม่มาก
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเศรษฐกิจมหภาค กล่าวว่า แม้เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/54 จะหดตัวค่อนข้างมากถึงร้อยละ -9.0 โดยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากวิกฤตอุทกภัย ส่งผลให้ทั้งปี 54 เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้เพียงร้อยละ 0.1 ต่อปี อย่างไรก็ตาม จากการติดตามเครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจล่าสุดพบว่ามีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่เดือน ธ.ค.54 ทั้งจากในด้านการผลิตและการใช้จ่าย ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มค่อยๆ ฟื้นตัวในไตรมาส 1/55