สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (27 ก.พ.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยว่ายอดการทำสัญญาขายบ้านปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนม.ค. ขณะที่สกุลเงินยูโรร่วงลงก่อนที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะอัดฉีดสภาพคล่องระยะ 3 ปีเข้าสู่ระบบการธนาคารของยุโรปในวันพุธนี้
สกุลเงินยูโรร่วงลง 0.42% แตะที่ 1.3397 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.3454 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ดิ่งลง 0.42% แตะที่ 1.5820 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5886 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง 0.53% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 80.540 เยน จากระดับของวันศุกร์ที่ 80.970 เยน และดอลลาร์พุ่งขึ้น 0.51% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.8994 ฟรังค์ จากระดับ 0.8948 ฟรังค์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.55% แตะที่ 1.0757 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.0698 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.48% แตะที่ 0.8398 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.8358 ดอลลาร์สหรัฐ
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นหลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเปิดเผยว่า ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ประจำเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 2% มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1% ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐ
สกุลเงินยูโรร่วงลงก่อนที่อีซีจะอัดฉีดสภาพคล่องให้กับธนาคารพาณิชย์ในอัตราดอกเบี้ยต่ำในวันพุธนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดว่าอีซีบีอาจจะปล่อยเงินกู้ เกือบ 5 แสนล้านยูโร โดยผ่านทางการรีไฟแนนซ์ระยะเวลา 3 ปี ถึงแม้มีสัญญาณบ่งชี้ว่าสถาบันการเงินมีสภาพคล่องมากพอแล้วก็ตาม และมีรางานว่านายมาริโอ ดรากี ประธานอีซีบี สนับสนุนให้ธนาคารพาณิชย์ใช้ประโยชน์จากปฏิบัติการปล่อยกู้ในครั้งนี้ด้วย
นอกจากนี้ สกุลเงินยูโรยังได้รับแรงกดดันหลังจากที่ประชุม G20 ได้เลื่อนการตัดสินใจเรื่องการเพิ่มทุนทรัพย์ให้กับ IMF ออกไปเป็นเดือนเม.ย. เพราะต้องการรอดูผลการประชุมผู้นำ 17 ชาติสมาชิกยูโรโซนซึ่งจะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์นี้ และกลุ่ม G20 ได้แจ้งต่อยุโรปว่า ยุโรปจำเป็นต้องจัดสรรเงินมากยิ่งขึ้นเพื่อนำมาใช้ในการแก้ไขวิกฤติหนี้สินของยุโรปก่อน ถ้าหากยุโรปต้องการจะได้รับความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากประเทศอื่นๆ
ทางการสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนม.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนก.พ., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4/2554 และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์