พลังงาน เผยยอดใช้น้ำมันม.ค.ลด หลังราคาน้ำมันสูง,ยอดใช้ LPG-NGV เพิ่ม

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday February 28, 2012 12:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวีระพล จิรประดิษฐกุล อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า ในเดือนม.ค. 55 ภาพรวมปริมาณการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 960,000 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้น 23% จาก ธ.ค.54 คิดเป็นมูลค่า 105,179 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% แบ่งเป็นการนำเข้าน้ำมันดิบ จำนวน 915,000 บาร์เรล/วัน น้ำมันสำเร็จรูปจำนวน 45,000 บาร์เรล/วัน

โดยปริมาณการนำเข้าน้ำมันที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากโรงกลั่นในประเทศหลายแห่งได้ปิดซ่อมบำรุงในช่วงปลายปี ประกอบกับความต้องการใช้ที่เพิ่มสูงขึ้นหลังวิกฤตอุทกภัยและอยู่ในช่วงเทศกาลทำให้ความต้องการใช้เพิ่มขึ้น

ด้านปริมาณการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปอยู่ที่ 189,000 บาร์เรล/วัน ลดลง 8% โดยมีมูลค่า 22,166 ล้านบาท ลดลง 3%

สำหรับปริมาณการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินเดือน ม.ค.55 อยู่ที่ 20.4 ล้านลิตร/วัน ลดลง 4% จาก ธ.ค.54 หรือคิดเป็นประมาณ 1 ล้านลิตร/วัน โดยเป็นการปรับลดลงของน้ำมันทุกชนิด ยกเว้นแก๊สโซฮอล์ อี20 และอี85 โดยมีสาเหตุมาจากราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลก ประกอบกับรัฐบาลได้เรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนของน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์เพิ่มขึ้น 1 บาท/ลิตรในวันที่ 16 ม.ค.55 ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินปรับเพิ่มขึ้นจาก ธ.ค.54 ประมาณ 4-5 บาท/ลิตร

ส่วนปริมาณการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินตั้งแต่วันที่ 1-18 ก.พ.55 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 21.3 ล้านลิตร/วัน แม้ว่ารัฐบาลจะมีนโยบายเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพิ่มอีก 1 บาท/ลิตรในัวนที่ 16 ก.พ.

ขณะที่ปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วเดือน ม.ค.55 อยู่ที่ 54.6 ล้านลิตร/วัน ปรับลดลง 5% จาก ธ.ค.54 หรือคิดเป็นประมาณ 3 ล้านลิตร/วัน เนื่องจากราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาตลาดโลกและจากการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ 60 สตางค์/ลิตร ทำให้ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นถึง 31.13 บาท/ลิตร ส่วนการใช้น้ำมันตั้งแต่วันที่ 1-18 ก.พ.55 ก็ได้ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือน ม.ค.55 ประมาณ 3% หรือมีการใช้อยู่ที่ประมาณ 57.9 ล้านลิตร/วัน

ส่วนปริมาณการใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือแอลพีจี ในเดือนม.ค.55 อยู่ที่ 590,000 ตัน/เดือน เพิ่มขึ้นจาก ธ.ค.54 ประมาณ 6% โดยเพิ่มขึ้นในส่วนของภาคปิโตรเคมี 18% เนื่องจากบมจ. พีทีที โกลบอลเคมิคอล (PTTCG) ในส่วนของปิโตรเคมี ได้กลับมาดำเนินการตามปกติภายหลังจากหยุดซ่อมฉุกเฉินใน ธ.ค.ที่ผ่านมา ส่วนในภาคขนส่งปรับเพิ่มขึ้น 6% เนื่องจากราคาแอลพีจียังมีราคาถูกกว่าราคาน้ำมัน ขณะที่การใช้ในภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม มีการปรับตัวลดลงเล็กน้อย ส่วนภาคอุตสาหกรรมยังคงมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องเช่นกัน โดยมีการใช้อยู่ที่ประมาณ 50,000 ตัน/เดือน เนื่องจากรัฐบาลได้ปรับเพิ่มราคาแอลพีจีในภาคอุตสาหกรรมไตรมาสละ 3 บาท/กก. ตั้งแต่เดือนก.ค.

สำหรับการนำแอลพีจีในเดือนม.ค.55 อยู่ที่ 113,000 ตัน/ดือน และต้องมีภาระการจ่ายชดเชยเพิ่มขึ้นเป็น 2,223 ล้านบาท ส่วนการนำเข้าเดือนกุ.พ.55 คาดว่าจะมีการนำเข้าประมาณ 160,000 ตัน/เดือน และคาดว่าจะต้องจ่ายเงินชดเชยประมาณ 4,000 ล้านบาท เนื่องจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติโรงที่ 6 มีการหยุดซ่อมบำรุงในช่วงวันที่ 4-29 ก.พ.ส่วนเดือนมีนาคม คาดว่าจะมีการนำเข้าประมาณ 180,000 ตัน/เดือน

ส่วนการใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ หรือเอ็นจีวี ในเดือนม.ค. มีการใช้อยู่ที่ 7.4 ล้านกก./วัน เพิ่มขึ้น 10% จาก ธ.ค.54 แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจะเพิ่มขึ้น 29% เนื่องจากมีราคาถูกกว่าราคาน้ำมัน

นายวีระพล กล่าวคาดการณ์ว่า ราคาน้ำดิบในตลาดโลกปีนี้จะเฉลี่ยอยู่ที่ 110 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลซึ่งต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในประทศอิหร่าน ความตึงเตรียดในตะวันออกกลาง รวมถึงเศรฐกิจในประทศยุโรปและอเมริกา ซึ่งทำให้ราคาน้ำมันดิบยังคงมีความผันผวน ขณะอีไอเอ คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบเวสเท็กซัส ในปีนี้จะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ100 เหรียญสหรัฐ/บาร้เรล ซึ่งสูงกว่าปีที่แล้วประมาณ 6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ