นางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวว่า เยอรมนีอาจสนับสนุนให้กองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (EFSF) ซึ่งเป็นกองทุนช่วยเหลือชั่วคราวของยูโรโซน ดำเนินงานต่อไปได้ โดยดำเนินควบคู่ไปกับกองทุนกลไกรักษาเสถียรภาพยุโรป (ESM) ซึ่งเป็นกองทุนถาวรที่มีกำหนดจะมาแทนที่กองทุน EFSF ในเดือนก.ค.นี้
ถ้อยแถลงดังกล่าวของนางแมร์เคิลแสดงให้เห็นว่าเยอรมนีพร้อมที่จะยุติการคัดค้านการปรับเพิ่มความสามารถในการปล่อยกู้ของกองทุนคุ้มครองยูโรโซนในการประชุมรัฐมนตรีคลังของ 17 ประเทศที่ใช้สกุลยูโร ที่กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ โดยกลุ่มรัฐมนตรีคลังยูโรโซน หรือยูโรกรุ๊ป มีกำหนดที่จะหารือเกี่ยวกับแผนการรวมกองทุน EFSF และ ESM เข้าด้วยกันในเดือนก.ค.นี้ ซึ่งจะทำให้ความสามารถในการปล่อยกู้ของกองทุนเพิ่มขึ้นเป็น 7 แสนล้านยูโร
นายกฯเยอรมนีอ้างถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสเปนและโปรตุเกสในช่วงหลายสัปดาห์มานี้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความอ่อนไหวและเปราะบาง และบ่งชี้ว่าสถานการณ์ในภูมิภาคยังไม่กลับเข้าสู่สภาวะปกติ
ภายใต้แผนการปัจจุบัน กองทุน EFSF จะต้องยุติบทบาทในช่วงกลางปีนี้ อย่างไรก็ดี นางแมร์เคิลกล่าวว่า เนื่องจากขณะนี้ได้มีการทำข้อตกลงปล่อยกู้ให้กับกรีซ ไอร์แลนด์ และสเปนแล้ว 2 แสนล้านยูโรภายใต้กองทุนชั่วคราวดังกล่าว ดังนั้น เยอรมนีจึงมองว่า น่าจะบริหารจัดการเงินกู้จำนวนดังกล่าวควบคู่ไปกับกองทุน ESM จนกว่าประเทศเหล่านี้จะสามารถชำระเงินกู้คืนได้ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาอีกราว 2-3 ปี
ทั้งนี้ เยอรมนีมองว่า กองทุน ESM ควรปล่อยกู้ได้เต็มวงเงินที่ 5 แสนล้านยูโร แต่หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายดังที่ระบุข้างต้น กองทุน ESM จะสามารถปล่อยเงินกู้ใหม่ได้เพียงแค่ราว 3 แสนล้านยูโรเท่านั้น เนื่องจากถูกหักลบด้วยเงินกู้ 2 แสนล้านยูโรของกองทุน EFSF