รายงานของสำนักงานสถิติของอิตาลี (Istat) ที่เปิดเผยเมื่อวานนี้ระบุว่า อัตราว่างงานในอิตาลีได้พุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2544 ซึ่งบ่งชี้ว่า แม้การใช้มาตรการรัดเข็มขัดในระยะนี้ได้ช่วยผ่อนคลายความวิตกกังวลของนักลงทุนลง แต่มาตรการดังกล่าวยังไม่ส่งผลไปถึงภาคแรงงาน ซึ่งเป็นเป้าหมายในการใช้มาตรการ
Istat ระบุว่า อัตราว่างงานของอิตาลีอยู่ที่ 9.3% ในเดือนกุมภาพันธ์ จากระดับ 9.1% ในเดือนมกราคม
ตัวเลขดังกล่าวยังถือว่าดีกว่าอัตราว่างงานที่ระดับ 10.8% ของสหภาพยุโรปโดยรวม แต่ในขณะเดียวกัน สถานการณ์ในอิตาลีก็ยังย่ำแย่กว่าในหลายประเทศ เนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่อยู่ในระดับที่ต่ำ แนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ และความจริงที่ว่า ประชาชนส่วนใหญ่ทำงานพาร์ทไทม์หรือไม่ก็ว่างงาน และไม่ได้มองหางานทำ ซึ่งหมายความว่า ประชาชนกลุ่มดังกล่าวไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึงข้อมูลสถิติที่แท้จริง
อย่างไรก็ดี ยังมีข่าวดีในอิตาลี เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ที่ประมูลขายเมื่อวานนี้อยู่ที่เพียง 5.1% ซึ่งเป็นระดับที่ปลอดภัยกว่าผลตอบแทนที่ระดับ 7% ซึ่งส่งผลให้กรีซ ไอร์แลนด์ และโปรตุเกส ต้องขอรับความช่วยเหลือทางการเงินในปีที่ผ่านมา
ในขณะเดียวกัน อัตราว่างงานในกลุ่มวัยหนุ่ม-สาวอายุระหว่าง 15-24 ปี ยังคงเป็นส่วนที่ฉุดรั้งการขยายตัวทางเศรษฐกิจมาโดยตลอด โดยได้พุ่งแตะที่ระดับ 31.9% ในเดือนกุมภาพันธ์ หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 1% จากระดับ 31.0% ในเดือนมกราคม
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ระดับการจ้างงานที่อ่อนแออาจทำให้รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีมาริโอ มอนติ ซึ่งประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ ไม่ได้รับการสนับสนุนจากสาธารณะซึ่งนับว่ามีความจำเป็นต่อการปฏิรูปในอนาคต
นายอัลแบร์โต เมลันคอน นักวิเคราะห์จากเอบีเอส ซิเคียวริตี้ส์ ในกรุงมิลานกล่าวว่า "เป็นที่แน่ชัดว่า เศรษฐกิจอิตาลีได้ขยับออกมาจากปากเหวแล้วในเดือนที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างที่ชาวอิตาเลียนเห็นได้อย่างชัดเจน และไม่มีความรู้สึกว่าเศรษฐกิจได้ฟื้นตัวแล้วอย่างแท้จริง"
"และหากไม่มีความรู้สึกว่าเศรษฐกิจได้ฟื้นตัวแล้วอย่างแท้จริง คะแนนนิยมของนายมอนติก็จะเริ่มลดลง" เขากล่าวบทวิเคราะห์โดยอีริค เจ. ลีแมน จากสำนักข่าวซินหัว