ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 13 มี.ค.ในช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย โดยรายงานระบุว่า คณะกรรมการกำหนนดโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) ยังไม่มีแนวโน้มที่จะใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
"สมาชิกบางคนของเอฟโอเอ็มซีส่งสัญญาณว่า การใช้มาตรการผ่อนคลายเพิ่มเติมจะเป็นสิ่งจำเป็นก็ต่อเมื่อเศรษฐกิจหดตัวลง หรืออัตราเงินเฟ้อยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับเป้าหมายที่ 25 ในระยะกลาง" รายงานการประชุมของเฟดระบุ
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ถ้อยแถลงดังกล่าวถือเป็นการส่งสัญญาณว่า เฟดจะยังไม่ใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 3 หรือ QE3 เมื่อพิจารณาจากสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน
แถลงการณ์ในการประชุมวันที่ 13 มี.ค.ระบุว่า คณะกรรมการเอฟโอเอ็มซีมีมติด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 1 ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับ 0 - 0.25% และยังคงดำเนินโครงการขยายกำหนดเวลาการไถ่ถอนหลักทรัพย์ที่เฟดถือครองอยู่ออกไป ตามที่ได้ประกาศไว้ในเดือนก.ย. 2554 และเฟดจะยังคงดำเนินนโยบายในการนำเงินต้นที่ได้รับจากตราสารหนี้ของหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐ มาลงทุนใหม่ในหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนองของหน่วยงานดังกล่าว
เฟดระบุว่า การใช้จ่ายในภาคครัวเรือนและการลงทุนในภาคธุรกิจยังคงมีการขยายตัว แต่ตลาดที่อยู่อาศัยยังอยู่ในภาวะซบเซา ส่วนอัตราเงินเฟ้อปรับตัวลดลงในระดับหนึ่งแล้ว อย่างไรก็ตาม การที่ราคาน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินได้ปรับตัวขึ้นในระยะนี้ อาจจะหนุนเงินเฟ้อให้สูงขึ้นชั่วคราว แต่ถึงกระนั้นก็ตาม เฟดคาดว่าเงินเฟ้อจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับหรือต่ำกว่าระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% ในวันข้างหน้า
นอกจากนี้ เฟดประเมินว่า ภาวะตึงเครียดในตลาดการเงินทั่วโลกได้ผ่อนคลายลงแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ภาวะตึงเครียดที่ยังคงเกิดขึ้นในขณะนี้ยังคงทำให้เศรษฐกิจมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะขาลงอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับการประชุมเฟดครั้งหน้าจะมีขึ้นในวันที่ 24-25 เม.ย.