บรรดาผู้เชี่ยวชาญสหรัฐกล่าวว่า ข้อมูลจ้างงานที่อ่อนแรงซึ่งมีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ ได้บั่นทอนความหวังของนักเศรษฐศาสตร์ที่ว่าระดับการจ้างงานจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วขึ้นอีกครั้งสู่ระดับก่อนช่วงภาวะถดถอย ซึ่งตอกย้ำถึงความเป็นไปได้ที่ว่าการขยายตัวของการจ้างงานจะชะลอลงต่อไป
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่ม 120,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ซึ่งน้อยกว่าที่คาด และต่ำกว่าแนวโน้มการจ้างงานเฉลี่ยในช่วง 3 เดือนที่เกือบ 150,000 ตำแหน่งต่อเดือน
“หลังช่วง 6 เดือนของการปรับตัวสดใสด้านการจ้างงาน รายงานในเดือนมี.ค.อาจจะส่งสัญญาณว่าการปรับตัวดีขึ้นดังกล่าวจะเริ่มชะลอความแรงลงในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า" นายแกรี เบิร์ทเลส เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านการวิจัยเศรษฐกิจจากบรูคกิ้ง อินสติติวท์กล่าว
รายงานเมื่อวานนี้มีขึ้นในขณะที่สหรัฐมีอัตราว่างงานที่ระดับสูงต่อเนื่องยาวนานที่สุดนับแต่เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำรุนแรง (Great Depression) เนื่องจากอัตราว่างงานได้พุ่งสูงเกิน 8% นับแต่เดือนก.พ.2552 และในขณะที่ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวใกล้ 4 ดอลลาร์/แกลลอนในบางพื้นที่ของประเทศ ค่าจ้างรายชั่วโมงเพิ่มขึ้นเพียง 2.1% ในปีที่แล้ว และเงินเฟ้อพุ่งสู่ระดับ 2.9% นั้น ชาวอเมริกันต่างก็ตกอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากมากขึ้น
การขยายตัวด้านการจ้างงานอย่างรวดเร็วเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐ เนื่องจากจะช่วยหนุนการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งคิดเป็น 70% ของเศรษฐกิจสหรัฐที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก
“การขยายตัวด้านการจ้างงานที่ระดับต่ำในเดือนมี.ค.เป็นเรื่องที่สร้างความประหลาดใจในทางที่ไม่น่าพอใจนัก และตอกย้ำความจริงที่ว่าการฟื้นตัวด้านการจ้างงานที่สดใสไม่ได้มีความแข็งแกร่งแต่อย่างใด" ไฮดี เชียร์โฮลซ์ นักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันนโยบายเศรษฐกิจกล่าว
เชียร์โฮลซ์กล่าวว่า ขณะที่อัตราว่างงานลดลงเล็กน้อยสู่ระดับ 8.2% นั้น การลดลงส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการที่ประชาชนออกจากตลาดแรงงาน ไม่ใช่เพราะการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนประชากรวัยทำงานที่มีงานทำ
นักเศรษฐศาสตร์ของสหรัฐกล่าวว่า ประชาชนจะยุติการหางานเมื่อพวกเขารู้สึกท้อแท้เนื่องจากไม่มีแนวโน้มว่าจะได้งานทำ จึงล้มเลิกความพยายามได้อย่างง่ายๆ และผู้ออกจากตลาดแรงงานที่เพิ่มจำนวนขึ้นจะบ่งชี้ถึงเศรษฐกิจที่ไม่แข็งแกร่ง
ขณะที่มีผู้ว่างงานจำนวนหลายล้านคน ผู้บริโภคยังคงลังเลที่จะใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อรถยนต์ บ้านและสินค้าอุปโภคบริโภค สถานการณ์ดังกล่าวจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐย่ำแย่ลง