กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขาดดุลการค้าและบริการของสหรัฐในเดือนก.พ. ร่วงลง 12.4% จากเดือนก่อนหน้า สู่ระดับ 4.603 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 4 เดือน เนื่องจากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะยานยนต์และชิ้นส่วน ขณะที่การนำเข้าลดลง
ยอดส่งออกสินค้าและบริการของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.1% ทำสถิติที่ 1.8116 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดนำเข้าร่วงลง 2.7% มาอยู่ที่ 2.2719 แสนล้านดอลลาร์ โดยราคานำเข้าน้ำมันดิบเฉลี่ยต่อบาร์เรลอยู่ที่ 103.63 ดอลลาร์ เทียบกับระดับ 103.81 ดอลลาร์ในเดือนม.ค.
สำหรับยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐกับจีน ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่และมีความอ่อนไหวทางการเมืองนั้น หดตัวลง 25.6% สู่ระดับ 1.936 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2554 โดยยอดนำเข้าของสหรัฐจากจีนร่วงลง 18.2% แตะ 2.813 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่การส่งออกของสหรัฐไปยังจีน เพิ่มขึ้น 4.3% แตะ 8.76 พันล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐกับญี่ปุ่นทะยานขึ้น 12.9% แตะ 6.99 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ส.ค. 2551 โดยการนำเข้าจากญี่ปุ่นพุ่ง 5.7% สู่ระดับ 1.247 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2551 เช่นกัน ขณะที่การส่งออกไปยังญี่ปุ่นร่วงลง 2.3% แตะ 5.48 พันล้านดอลลาร์
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐกับจีนที่ร่วงลงอย่างมาก อาจทำให้รัฐบาลสหรัฐล้มเลิกแผนการเพิ่มแรงกดดันให้รัฐบาลจีนใช้กลไกแลกเปลี่ยนเงินหยวนโดยอิงกับตลาด
สำหรับยอดขาดดุลการค้าเดือนม.ค.ได้รับการปรับทบทวนลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 5.252 หมื่นล้านดอลลาร์ จากรายงานเบื้องต้นที่ 5.257 หมื่นล้านดอลลาร์