น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เข้าพบและหารือข้อราชการกับ นายหวัง ฉีซาน รองนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ก่อนการสัมมนาระหว่างอาหารกลางวัน "Business Luncheon" โดยรัฐบาลจีนยินดีส่งเสริมและให้ความร่วมมือในการพัฒนาการค้าและการลงทุนระหว่างกันให้มากขึ้นในทุกสาขา ส่วนรัฐบาลไทยก็มีความยินดีต้อนรับนักลงทุนจีนและพร้อมจะดูแลและอำนวยความสะดวกในทุกด้าน เพื่อให้การค้าและการลงทุนซึ่งเป็นส่วนสำคัญของความร่วมมือทางเศรษฐกิจมีความก้าวหน้าและบรรลุเป้าหมาย คือให้มูลค่าการค้าบรรลุ 120,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ การลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 ในปี 2016 นี้
จากนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวสุนทรพจน์ระหว่างการสัมมนา โดยระบุว่าการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกมีโอกาสในการพบผู้บริหารระดับสูงภาครัฐ ผู้นำทางธุรกิจ และผู้แทนจากบริษัทชั้นนำของประเทศจีน รวมทั้งผู้บริหารระดับสูงทั้งภาครัฐและเอกชนของฝ่ายไทย รวมกว่า 700 ราย พร้อมทั้งขอบคุณรัฐบาลจีนสำหรับความร่วมมือและร่วมสนับสนุนการจัดงานสัมมนาการลงทุนและการประชุมทางธุรกิจ (Business Luncheon) ครั้งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หน่วยงาน China Council for the Promotion of International Trade (CCPIT) ที่ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดงานกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กระทรวงอุตสาหกรรมของไทย
นายกฯ ระบุว่า ปัจจุบันจีนเป็นประเทศส่งออกรายใหญ่ที่สุดของไทย และขณะเดียวกันจีนยังเป็นประเทศที่ไทยนำเข้ามากที่สุดเป็นอันดับสองในด้านการลงทุน พบว่าการลงทุนจากจีนมาไทยเพิ่มมากขึ้นในระยะ 2-3 ปีมานี้ โดยสถิติการขอรับการลงทุนของจีนในปี 2554 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 970 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 62 จัดเป็นนักลงทุนรายใหญ่อันดับสองรองจากประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น ในด้านการท่องเที่ยว ก็พบว่านักท่องเที่ยวจีนที่มาไทยในปี 2554 มีจำนวนถึง 1.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 50 ขณะที่นักท่องเที่ยวไทยมาเยือนจีนมีจำนวน 500,000 คน แต่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี
พร้อมกันนี้ นายกฯ ได้แสดงความเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุนและเชิญชวนให้นักธุรกิจจีนทุกท่านเป็นส่วนหนึ่งของการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังจะเกิดขึ้น จากการรวมตัวกันเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ที่จะถึงนี้ พร้อมกับให้ความมั่นใจกับว่า รัฐบาลไทยต้อนรับและสนับสนุนการลงทุนจากจีน ความเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจระหว่างไทยและจีนจะเข้มแข็งขึ้นด้วยความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนของภาคเอกชนของทั้งสองฝ่าย โดยมีภาครัฐส่งเสริมและให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง