นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า สถิติการจดทะเบียนนิติบุคคลเลิกทั่วประเทศในเดือน มี.ค.55 มีจำนวน 923 ราย เพิ่มขึ้น 104% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีการจดทะเบียนเลิก 451 ราย และเพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับ ก.พ.55 ที่มีการจดทะเบียนเลิก 770 ราย ส่งผลให้การจดทะเบียนเลิกช่วงไตรมาสแรก(ม.ค.-มี.ค.) ของปี 55 มีจำนวน 2,787 ราย เพิ่มขึ้น 96% เมื่อเทียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีการจดทะเบียนเลิก 1,422 ราย
สำหรับธุรกิจที่มีการจดทะเบียนเลิกในเดือน มี.ค.55 มีเงินทุนจดทะเบียนเลิกกิจการ 3,329 ล้านบาท โดยธุรกิจที่มีการจดทะเบียนเลิกสูงสุด 3 อันดันแรก ได้แก่ ก่อสร้างอาคารทั่วไป 132 ราย บริการนันทนาการ 54 ราย และอสังหาริมทรัพย์ 36 ราย
"สาเหตุของการจดทะเบียนเลิกที่กรมฯ ได้สอบถามจากผู้ประกอบการที่มาขอจดทะเบียนเลิก 923 ราย พบว่า ส่วนใหญ่ประสบปัญหาขาดทุน 474 ราย รองลงมาคือ ไม่สามารถประกอบกิจการได้ตามเป้าหมาย เช่น ไม่เริ่มประกอบกิจการภายใน 1 ปี ไม่ได้โควตาหรือประมูลงาน เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเกิดความขัดแย้งภายในธุรกิจ ปัญหาภัยธรรมชาติ เป็นต้น" นายศิริวัฒน์ กล่าว
ส่วนกรณีที่มีการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น นายศิริวัฒน์ กล่าวว่า จะไม่มีผลทำให้ธุรกิจเลิกกิจการมากขึ้น เพราะการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวดีขึ้น มีการกระจายรายได้ไปถึงประชาชนมากขึ้น แม้ว่าการขึ้นค่าแรงช่วงแรกอาจมีปัญหาบ้าง แต่ในระยะยาวจะดีมากกว่า อีกทั้งกรมฯ มีมาตรการดูแลผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก(เอสเอ็มอี) ที่ได้รับผลกระทบมากเป็นอย่างดี ทั้งการผลักดันให้มีการค้าขายผ่านระบบอินเตอร์เน็ต(อี-คอมเมิรซ์) ช่วยลดต้นทุน และขยายตลาดการค้าทั้งในและต่างประเทศได้
ขณะเดียวกันการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจในเดือน มี.ค.55 มี 5,431 ราย ลดลง 5% เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนที่มีการจดทะเบียนจัดตั้ง 5,742 ราย และลดลง 5% เมื่อเทียบกับเดือน ก.พ.55 ที่มีจำนวนจัดตั้ง 5,747 ราย ส่งผลให้การจดทะเบียนจัดตั้งไตรมาสแรกปี 55 มีจำนวน 16,265 ราย เพิ่มขึ้นเพียง 1% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีจำนวน 16,100 ราย โดยมีทุนจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 37,000 ล้านบาท ทำให้มีนิติบุคคลคงอยู่ทั่วประเทศ 505,196 ราย