สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการเดือนเม.ย. ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 53.5 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน จากระดับ 56 จุดในเดือนมี.ค. ส่งสัญญาณว่าภาคบริการซึ่งเป็นภาคส่วนที่ใหญ่ที่สุดในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐกำลังเผชิญกับภาวะชะลอตัว อันเนื่องมาจากการจ้างงานที่ลดลงในภาคบริการ
รายงานของ ISM ระบุว่า การจ้างงานและอัตราค่าแรงที่เพิ่มขึ้นอย่างจำกัด ประกอบกับมูลค่าสินทรัพย์ที่ปรับตัวลดลง อาจเป็นสาเหตุให้ชาวอเมริกันชะลอการใช้จ่าย
นอกจากนี้ รายงานของ ISM ยังระบุว่า ดัชนียอดสั่งซื้อใหม่ในภาคบริการปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 53.5 จุดในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน จากเดือนมี.ค.ที่ระดับ 58.8 จุด ขณะที่ดัชนีการจ้างงานในภาคบริการลดลงสู่ระดับ 54.2 จุด จากเดือนมี.ค.ที่ระดับ 56.7 จุด และดัชนีกิจกรรมทางธุรกิจในภาคบริการ ลดลงสู่ระดับ 54.6 จุด จากเดือนมี.ค.ที่ระดับ 58.9 จุด
การที่ภาคบริการของสหรัฐจะสามารถขยายตัวต่อไปได้หรือไม่นั้น จะขึ้นอยู่กับการขยายตัวของการจ้างงานและการปรับตัวลงของอัตราว่างงาน อย่างไรก็ตาม อัตราว่างงานของสหรัฐยังคงเคลื่อนไหวเหนือระดับ 8% มานับตั้งแต่เดือนก.พ. 2552
กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนเม.ย. ในวันพรุ่งนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ซึ่งนักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งคาดว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 170,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ 8.2%