กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขาดดุลการค้าและบริการของสหรัฐในเดือนมี.ค. ทะยานขึ้น 14.1% สู่ระดับ 5.183 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากที่ร่วงลงถึง 12.4% ในเดือนก.พ. โดยสาเหตุที่ทำให้ยอดขาดดุลกลับมาดีดตัวขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูง และการนำเข้ายานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ที่แข็งแกร่ง
ยอดนำเข้าสินค้าและบริการของสหรัฐโดยรวมเพิ่มขึ้น 5.2% จากเดือนก่อนหน้า ทำสถิติที่ 2.3860 แสนล้านดอลลาร์ โดยราคานำเข้าน้ำมันดิบเฉลี่ยต่อบาร์เรลอยู่ที่ 107.95 ดอลลาร์ พุ่งขึ้นจากระดับ 103.63 ดอลลาร์ในเดือนก.พ. และถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2554 โดยในตอนนั้น ราคาน้ำมันแตะที่ 108.70 ดอลลาร์
ขณะที่ยอดส่งออกสินค้าและบริการของสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.9% ทำสถิติที่ 1.8677 แสนล้านดอลลาร์ นับเป็นเดือนที่สี่ติดต่อกันที่ยอดส่งออกขยายตัวขึ้น
สำหรับยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐกับจีน ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่และมีความอ่อนไหวทางการเมืองนั้น ดีดขึ้น 11.9% สู่ระดับ 2.167 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยยอดนำเข้าของสหรัฐจากจีนขยายตัว 12.0% แตะ 3.150 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่การส่งออกของสหรัฐไปยังจีน ขยายตัว 12.2% แตะ 9.83 พันล้านดอลลาร์
ส่วนยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐกับญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 2.3% แตะ 7.15 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เม.ย. 2551 โดยการนำเข้าจากญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 6.4% สู่ระดับ 1.327 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2550 ขณะที่การส่งออกไปยังญี่ปุ่นดีดขึ้น 11.7% แตะ 6.12 พันล้านดอลลาร์
สำหรับยอดขาดดุลการค้าเดือนก.พ.ได้รับการปรับทบทวนลงมาอยู่ที่ 4.542 หมื่นล้านดอลลาร์ จากรายงานเบื้องต้นที่ 4.603 หมื่นล้านดอลลาร์ สำนักข่าวเกียวโดรายงาน