นายชายน้อย เผื่อนโกสุม รักษาการผู้อำนวยการสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์กรมหาชน) หรือ สบพน. กล่าวว่า หลังจากที่ได้ขออนุมัติกรอบวงเงินกู้จากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) รวมวงเงิน 30,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการเสริมสภาพคล่องให้กับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงนั้น ขณะนี้ได้ใช้เงินไปแล้วประมาณ 8,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นเพียงกรอบวงเงินเมื่อหากมีความจำเป็นจึงจะนำเงินออกมา โดยเงินกู้ดังกล่าวเป็นการกู้เงินจากธนาคารกรุงไทยและธนาคารออมสิน อัตราดอกเบี้ย MMR ที่ 3.45%
ส่วนกรณีที่รัฐบาลมีมติให้ชะลอการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำเชื้อเพลิง ถึงแม้ว่าราคาพลังงานในช่วงนี้จะปรับตัวลดลง เพื่อเป็นการบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชนนั้น นายชายน้อย กล่าวว่า จะทำให้รายได้เข้ากองทุนน้ำมันฯ ปรับตัวลดลงเล็กน้อย แต่กองทุนฯ ยังมีรายรับหลักจากการเก็บเงินในส่วนของก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG)ภาคปิโตรเคมี ทำให้ขณะนี้กองทุนน้ำมันฯ ยังมีรายรับเป็นบวกเล็กน้อย หรือมีส่วนต่างกับรายจ่ายอยู่ที่ระมาณ 20-30 ล้านบาท/วัน เนื่องจากขณะนี้รายจ่ายของกองทุนน้ำมันฯ ลดลง โดยเฉพาะการอุดหนุนราคา LPG ที่ปรับตัวลดลงตามราคาตลาดโลก
นายชายน้อย ให้ความเห็นส่วนตัวว่า รัฐบาลไม่ควรยกเลิกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง แต่ควรจะบริหารจัดการตามวัตถุประสงค์ที่แท้จริง คือ การดูแลสถานการณ์ราคาน้ำมันให้มีเสถียรภาพ โดยเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนฯ ในช่วงที่ราคาน้ำมันถูก เพื่อนำไปชดเชยราคาในช่วงที่ราคาน้ำมันแพง เนื่องจากปัจจุบันราคาน้ำมันในตลาดโลกมีความผันผวนสูง แต่ในขณะนี้กองทุนน้ำมันฯ มีการนำไปใช้ผิดประเภท คือ มีการเก็บเงินจากประเภทหนึ่งแล้วไปชดเชยอีกประเภทหนึ่งซึ่งทำให้เกิดความไม่เป็นธรรม