นักวิเคราะห์มองว่า การผิดนัดชำระหนี้ของกรีซจะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ขณะที่ได้มีการถกเถียงกันถึงสภาวการณ์ที่เลวร้ายต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ากรีซออกจากยูโรโซน
แต่แม้ว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะเป็นสิ่งที่น่าวิตก นักวิเคราะห์ได้แสดงมุมมองเชิงบวกถึงการฟื้นตัวขึ้นหลังวิกฤติหนี้ โดยยกตัวอย่างว่า ประเทศที่ผิดนัดชำระหนี้ในทศวรรษ 1990 เผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วงเวลาไม่นานนัก หลังจากนั้น เศรษฐกิจก็ฟื้นตัวขึ้น โดยหลังการผิดนัดชำระหนี้ เศรษฐกิจอาร์เจนตินาขยายตัว 8%, รัสเซียกว่า 7% และอินโดนีเซีย 5% หลังวิกฤติ
นักวิเคราะห์คาดว่า กรีซจะจำเป็นต้องออกสกุลเงินทางเลือก ที่มีมูลค่าต่ำกว่ายูโร เพื่อหนุนกิจกรรมภายในประเทศ โดยในขั้นแรกนั้น เศรษฐกิจของกรีซจะหดตัวลงอย่างมาก แต่จากมูลค่าที่ลดลงของสกุลเงิน กรีซจะสามารถเพิ่มการส่งออกไปยังประเทศต่างๆได้ และจะทำให้ศักยภาพการแข่งขันด้านการส่งออกของกรีซเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับประเทศคู่ค้าต่างๆในยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เยอรมนี
นอกจากนี้ มุมมองบวกต่อกรีซอีกประการหนึ่งก็คือ กรีซจะสามารถหลุดพ้นจากกับดักหนี้สินที่วางกรอบให้กรีซต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติต่างๆ อาทิ มาตรา 123-5 ของสนธิสัญญาลิสบอนและข้อกำหนดของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ที่ทำให้ประเทศที่ยากจน เช่น กรีซ ต้องหันไประดมทุนจากภาคธนาคารเอกชนและตลาดพันธบัตรระหว่างประเทศ ซึ่งแตกต่างจากธนาคารกลางอังกฤษที่สามารถพิมพ์เงินใหม่ และซื้อพันธบัตรรัฐบาล เพื่อนำเงินมาชดเชยกับยอดขาดดุลของรัฐบาล